
ภาวะหลอดเลือดแดงที่คอตีบ หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า Carotid Stenosis เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือด
ภาวะนี้เกิดจากการสะสมของไขมันและแคลเซียมในผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง
เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ซึ่งอาจนำไปสู่ความพิการหรือเสียชีวิตได้
ปัจจุบัน มีวิธีการรักษาใหม่ที่เรียกว่า Carotid Balloon Angioplasty and Stenting ซึ่งเป็นการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด
ให้ผลการรักษาที่ดี ฟื้นตัวเร็ว และมีความปลอดภัยสูง
การคัดกรองและตรวจวินิจฉัย
1. การตรวจอัลตราซาวน์หลอดเลือดที่คอ:
- เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพประจำปีในกลุ่มเสี่ยง
- ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องฉีดสารใดๆ
- สามารถวัดความเร็วของกระแสเลือดและประเมินระดับการตีบไ
2. การตรวจ MRI และ MRA หลอดเลือดที่คอและสมอง:
- MRI (Magnetic Resonance Imaging) แสดงภาพเนื้อสมอง
- MRA (Magnetic Resonance Angiography) แสดงภาพหลอดเลือด
- ให้ข้อมูลละเอียดทั้งโครงสร้างสมองและหลอดเลือด
- ใช้ในการ screening หรือยืนยันผลการตรวจอัลตราซาวน์
3. การตรวจเมื่อพบอาการของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke):
- หากผู้ป่วยมีอาการของ stroke เช่น แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด
- ทำการตรวจ CT scan สมองเป็นอันดับแรกเพื่อแยกภาวะเลือดออกในสมอง
- ตามด้วยการตรวจ MRI/MRA หรือ CT Angiography เพื่อดูหลอดเลือดที่คอและสมอง
ข้อบ่งชี้ในการรักษา
การรักษาด้วยวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีลักษณะดังต่อไปนี้:
- มีภาวะหลอดเลือดแดงที่คอตีบมากกว่า 70%
- มีอาการของโรคหลอดเลือดสมองชั่วคราว (TIA) หรือโรคหลอดเลือดสมองขนาดเล็ก
- ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการผ่าตัดแบบเปิด
- ผู้ที่เคยได้รับการผ่าตัดหลอดเลือดที่คอมาก่อนและกลับมาตีบซ้ำ
การทำ Carotid Stenting และการทำ balloon angioplasty
รักษาโดยใช้ยาดมสลบ แพทย์ผู้ทำการรักษาจะสอดสายสวนเข้าทางหลอดเลือดที่ขาหนีบ
การฉีดสีด้วยเครื่องเอกซเรย์แบบ Angiogram:
ฉีดสารทึบรังสีเข้าหลอดเลือดแดงใหญ่ ใช้เครื่องเอกซเรย์แบบ Digital Subtraction Angiography (DSA) เพื่อถ่ายภาพหลอดเลือด ภาพที่ได้แสดงให้เห็นตำแหน่งและระดับความรุนแรงของการตีบ

ภาพแสดงการตีบหลอดเลือดแดง carotid ที่คอก่อนการรักษาจากการฉีดสีหลอดเลือดสมองใต้เครื่อง DSA
การทำโปรแกรมคำนวณ 3D (ภาพ 3 มิติ):
ใช้ซอฟต์แวร์พิเศษสร้างภาพ 3 มิติจากภาพ angiogramม วิเคราะห์ความยาว เส้นผ่านศูนย์กลาง และรูปร่างของหลอดเลือดที่ตีบ และ คำนวณระดับการตีบได้อย่างแม่นยำ ช่วยในการเลือกขนาดและความยาวของ stent ที่เหมาะสมที่สุด
การใส่ตัวดักจับ (Protective Embolic Device):
สอดอุปกรณ์พิเศษเข้าไปในหลอดเลือดเหนือจุดที่ตีบ และทำหน้าที่ดักจับลิ่มเลือดหรือเศษตะกอนที่อาจหลุดลอยขึ้นไปอุดตันสมองส่วนบน จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางสมองระหว่างการทำหัตถการ
การทำ Balloon Angioplasty:
สอดสายสวนที่มีบอลลูนขนาดเล็กเข้าไปในหลอดเลือดที่ตีบ และทำการขยายบอลลูนออกเพื่อกดแผ่นไขมันที่อุดตันให้แบนราบไปกับผนังหลอดเลือด และทำหน้าที่ขยายเส้นผ่านศูนย์กลางของหลอดเลือดให้กว้างขึ้น เพิ่มการไหลเวียนของเลือด อาจทำ pre-dilation (ขยายก่อนใส่ stent) และ/หรือ post-dilation (ขยายหลังใส่ stent) ขึ้นอยู่กับลักษณะของรอยตีบ

ภาพแสดงการใส่ตัวดักจับ (protective embolic device) ระหว่างการทำการขยายรอยตีบด้วยบอลลูน (balloon angioplasty)
การใส่ Stent:
หลังจากขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูนแล้ว จะใส่ stent (ท่อหลอดขดลวด) เพื่อค้ำยันหลอดเลือดให้เปิดกว้าง โดยเลือกขนาดและความยาวของ stent ตามข้อมูลจากภาพ 3D และ stent จะถูกขยายตัวเพื่อแนบสนิทกับผนังหลอดเลือด

ภาพแสดงการใส่ stent หลอดเลือดแดง carotid ที่ลำคอหลังทำการรักษา
การตรวจสอบผลลัพธ์:
ใช้เครื่องเอกซเรย์ DSA ตรวจสอบการไหลเวียนของเลือดหลังใส่ stent ทำการประเมินว่าหลอดเลือดเปิดกว้างขึ้นเพียงพอหรือไม่ทำ หากยังไม่พอใจกับผลลัพธ์ อาจทำ post-dilation เพิ่มเติม

ภาพแสดงการไหลของเลือดที่ดีขึ้นหลังทำการรักษา
ข้อดีของการรักษา
- ไม่ต้องผ่าตัดเปิด: ไม่มีแผลผ่าตัดที่คอ
- ฟื้นตัวเร็ว: ส่วนใหญ่กลับบ้านได้ภายใน 2-3 วัน
- ความเสี่ยงต่ำ: เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในการผ่าตัดแบบเปิด
- ผลการรักษาดี: ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ความเจ็บปวดน้อย: ผู้ป่วยรู้สึกสบายกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
ผลลัพธ์ของการรักษา
- ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นทันทีหลังการรักษา
- ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในระยะยาว
- สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
การปฏิบัติตัวหลังการรักษา
- รับประทานยาต้านเกล็ดเลือดตามที่แพทย์สั่ง
- งดการออกกำลังกายหนักเป็นเวลา 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือก้มศีรษะเป็นเวลานาน
- มาตรวจติดตามผลตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
- ควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
คำแนะนำ
หากคุณมีอายุมากกว่า 50 ปี มีประวัติโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หรือสูบบุหรี่ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจคัดกรองภาวะหลอดเลือดแดงที่คอตีบ การตรวจพบและรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การรักษาด้วยวิธี Carotid Balloon Angioplasty and Stenting เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง หากคุณได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหลอดเลือดแดงที่คอตีบ อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
เอกสารอ้างอิง
- Brott TG, Howard G, Roubin GS, Meschia JF, Mackey A, Brooks W, et al. Long-Term Results of Stenting versus Endarterectomy for Carotid-Artery Stenosis. N Engl J Med. 2016;374(11):1021-31. doi:10.1056/NEJMoa1505215
- Paraskevas KI, Veith FJ, Ricco JB. Carotid Artery Stenting Versus Carotid Endarterectomy for Carotid Artery Stenosis: A Comprehensive Meta-Analysis of Short-Term and Long-Term Outcomes. Ann Vasc Surg. 2020;69:427-37. doi:10.1016/j.avsg.2020.05.070
- Sardar P, Chatterjee S, Aronow HD, Kundu A, Ramchand P, Mukherjee D, et al. Carotid Artery Stenting Versus Endarterectomy for Stroke Prevention: A Meta-Analysis of Clinical Trials. J Am Coll Cardiol. 2017;69(18):2266-75. doi:10.1016/j.jacc.2017.02.053
*ภาพทั้งหมดลิขสิทธิ์ของ นพ.อิทธิชัย ศักดิ์อรุณชัย

บทความโดย
ผศ.นพ.อิทธิชัย ศักดิ์อรุณชัย
ประสาทศัลยแพทย์และรังสีร่วมรักษาระบบประสาท
ศูนย์สมองและระบบประสาทโรงพยาบาลบีเอ็นเอช