
คลิกเลือกอ่านข้อมูลมะเร็งลำไส้ใหญ่ตามหัวข้อที่ท่านสนใจ
มาพูดคุยกันถึงโรคภัยที่เป็นปัญหาสำคัญในสังคมไทยที่มักมาแบบไม่มีสัญญาณเตือน นั่นคือ มะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นมะเร็งที่เกิดบริเวณส่วนปลายของระบบทางเดินอาหาร จากสถิติพบว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นโรคที่พบบ่อยเป็นอันดับที่ 2 ในเพศชาย รองจากมะเร็งตับ และพบบ่อยเป็นอันดับที่ 3 ในเพศหญิง รองจากมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก
นอกจากนี้มะเร็งลำไส้ใหญ่ยังเป็นหนึ่งในโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมอีกด้วย แม้ว่าจะพบมากในกลุ่มคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ในปัจจุบันพบว่ามีอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ในกลุ่มคนหนุ่มสาวที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และมักไม่แสดงอาการในช่วงแรก โดยทั่วไป กว่าผู้ป่วยจะรู้ตัวก็มักพบในระยะที่ 3 – 4 แล้ว ทำให้ยากต่อการรักษาและมีโอกาสเสียชีวิตสูง
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบถึงความร้ายกาจของโรคนี้ หรือไม่แน่ใจว่าตัวเองมีความเสี่ยงหรือไม่ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจ และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ทุกท่านเข้าใจถึงโรคนี้มากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือ การป้องกันตัวเองจากโรคนี้ได้อย่างไร

โรคมะเร็งลำไส้กับอาการเตือน
คุณมีสัญญาณเตือนมะเร็งลำไส้เหล่านี้บ้างหรือไม่ ?

- ขับถ่ายผิดปกติ (ท้องผูกสลับท้องเสีย)
- ถ่ายไม่สุด / อุจจาระลำบากหรืออุจจาระลำเล็กลง / ปวดเบ่งในช่องทวารหนัก
- ถ่ายอุจจาระมีมูกเลือดปน
- ปวดท้องเรื้อรัง
- อาจคลำเจอก้อนในช่องท้อง
- อาการอื่นๆที่ไม่ทราบสาเหตุ เช่น ร่างกายอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

- อายุ: ผู้ที่มีอายุ 45-50 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงสูง
- ประวัติครอบครัว: หากมีคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
- พฤติกรรมเสี่ยง:
- รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เนื้อแดง อาหารแปรรูป อาหารปิ้งย่าง เป็นต้น
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่
- ขาดการออกกำลังกาย
- มีน้ำหนักตัวเกิน
- โรคประจำตัว: ผู้ป่วยโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
คุณรู้หรือไม่ว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่….. ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งดี เพราะมีโอกาสรักษาหายได้ ดังนั้น การตรวจเพื่อคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ด้วยวิธีการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) เป็นประจำ หรือ มาพบแพทย์ทันทีที่เริ่มมีอาการผิดปกติเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด
มะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดจาก
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นความผิดปกติของเซลล์เนื้อเยื่อบริเวณลำไส้ใหญ่ที่เกิดการกลายพันธุ์ โดยมีการแบ่งตัวและเพิ่มขึ้นของขนาดเยื่อบุอย่างรวดเร็ว เมื่อเซลล์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ก็จะเกิดเป็นติ่งเนื้อหรือเนื้องอกขึ้นในลำไส้ และค่อยๆใหญ่ขึ้นจนพัฒนากลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ และเซลล์มะเร็งจะลามไปยังชั้นกล้ามเนื้อและส่วนต่างๆของลำไส้ผ่านท่อน้ำเหลืองและหลอดเลือดและรุกลามไปที่อวัยวะอื่นๆของร่างกาย เช่น ลุกลามไปที่ตับหรือปอด หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงและเสียชีวิตได้
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่ที่จากการศึกษาพบว่าประชากรที่รับประทานผักผลไม้ยิ่งมากเท่าไร ยิ่งลดโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้มากเท่านั้น
โดยปกติโอกาสเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่จะเพิ่มขึ้นตามวัย คือมียิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้สูงขึ้น และในปัจจุบันคนไทยเริ่มมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตและบริโภคอาหารแบบชาวตะวันตก ทำให้อัตราการพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ในประชากรไทยที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปี เพิ่มสูงขึ้น
มะเร็งลำไส้ใหญ่สามารถตรวจพบได้จากการส่องกล้องลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โดยอัตราการรอดชีวิตและโอกาสหายขาดจากโรคนี้มักขึ้นอยู่กับระยะที่ตรวจพบด้วย ซึ่งเราสามารถแบ่งระยะมะเร็งลำไส้ใหญ่ ออกได้เป็น 4 ระยะดังนี้

ระยะของมะเร็งลำไส้ใหญ่
ระยะที่ 1 (ระยะแรก) เป็นระยะที่ยังไม่มีการลุกลาม สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด และหายขาดได้ มีอัตราการรอดชีวิต 80-95%
ระยะที่ 2 เป็นระยะที่เริ่มลุกลาม เซลล์มะเร็งจะเข้ามาในชั้นกล้ามเนื้อของลำไส้ และอาจลามไปถึงเยื่อหุ้มลำไส้ เนื้อเยื่อส่วนอื่นๆ หรือ อวัยวะข้างเคียง มีอัตราการรอดชีวิต 55-80% ในการรักษาจำเป็นต้องได้รับการรักษาแบบผ่าตัดควบคู่ไปกับการทำเคมีบำบัด ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสหายขาดได้ 80-90%
ระยะที่ 3 เป็นระยะที่เริ่มลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง ในการรักษาจะต้องผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองออกให้มากที่สุด และทำเคมีบำบัดเพื่อไม่ให้มะเร็งฟื้นตัว และกลับมาลุกลาม มีอัตราการรอด 40%
ระยะที่ 4 (ระยะแพร่กระจาย) ถือเป็นระยะที่ค่อนข้างรุนแรง เพราะเซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่างๆ เช่น ตับ ปอด หรือกระดูก ซึ่งการรักษาระยะนี้ต้องทำการผ่าตัดโดยการตัดอวัยวะบางส่วนที่พบเซลล์มะเร็งออก และทำเคมีบำบัดร่วมด้วย มีอัตราการรอดเพียงชีวิต 10% ในมะเร็งลำไส้ระยะที่ 4 นี้หากได้รับการรักษาที่ต่อเนื่องโอกาสหายขาดเทียบเท่ากับระยะที่ 3

ทำไมต้องตรวจคัดกรองความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มแรก: ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ลดอัตราการเสียชีวิต: หากตรวจพบและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ โอกาสหายขาดมีสูง
มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นสาเหตุสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ทำให้ประชากรทั่วโลกเสียชีวิต หากพบความผิดปกติ แพทย์สามารถนำชิ้นเนื้อไปตรวจวิเคราะห์เพื่อยืนยันการวินิจฉัย และวางแผนการรักษาได้ทันท่วงที จะช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้
จากข้อมูลสถิติจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติปี 2563 พบว่า โดยทั่วไปผู้ป่วยส่วนใหญ่กว่า 72.7% จะทราบว่าตนเองป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็มักพบในระยะ 3 -4 ซึ่งทำให้โรคมะเร็งลำไส้จัดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ที่กำลังคุกคามชีวิตคนไทย
มีการพบติ่งเนื้อชนิด adenoma ซึ่งเป็นติ่งเนื่อที่มีโอกาสพัฒนาไปเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ มีข้อมลูดังนี้
- อัตราการตรวจพบติ่งเนื้อชนิด Adenoma {Adenoma detection rate }= 55.54% ตั้งแต่ปี 2018-2021 คิดเป็น1 ราย จากการตรวจ 2 ราย
- และอัตราการตรวจพบเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ Colon Cancer = 2.46% คิดเป็น 1 ราย จากการตรวจ 41 ราย
* สถิติอัตราการพบติ่งเนื้อนั้น นอกจากจะมาจากความผิดปกติของคนไข้นั้น อีกปัจจัยที่สำคัญคือความชำนาญของทีมแพทย์ที่ทำการส่องกล้อง ร่วมกับเครื่องมือที่ทันสมัยด้วย เพราะการตรวจไม่พบติ่งเนื้ออาจไม่ได้หมายถึงไม่มีติ่งเนื้อ ดังนั้นการเลือกคุณหมอที่มีความชำนาญ และเครื่องมือที่ทันสมัย จึงเป็นอีก 1 เรื่องที่สำคัญ หากตรวจพบติ่งเนื้อตั้งแต่ระยะแรกก็สามารถทำการรักษาได้เลย จึงช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้
ให้ "การส่องกล้องทางเดินอาหาร" ของคุณเป็นเรื่องง่าย❗️
หมดกังวลเรื่องคิวนาน ! แผนก Digestive Care Centre โรงพยาบาลบีเอ็นเอช
บริการเต็มรูปแบบทุกวัน ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย เย็น เราก็พร้อมให้บริการส่องกล้องทางเดินอาหารแบบครบวงจรทุกวัน
สะดวกและมั่นใจ ด้วยการเตรียมลำไส้ในช่วงเช้า และเข้ารับการส่องกล้องในช่วงบ่าย
ดูแลพิเศษ โดยพยาบาลผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอนของการเตรียมลำไส้
ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สำหรับการเตรียมลำไส้
ข้อดีของการส่องกล้องที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอช
- มีทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ทางระบบทางเดินอาหาร คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
- มีเครื่องมือที่ทันสมัย ส่องกล้องด้วย AI และ NBI เทคโนโลยีจากญี่ปุ่น เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย
- มีห้องพักสำหรับการเตรียมตัวส่องกล้องแบบส่วนตัว หมดความกังวลแม้คุณมาเองเพียงลำพัง
- ทีมพยาบาลเฉพาะทางดูแลและเตรียมยาระบายให้ท่านตามกระบวนการและเวลาที่เหมาะสม หมดกังวลเรื่องถ่ายยาก ถ่ายไม่หมด หรือปวดขับถ่ายระหว่างเดินทาง
- หากตรวจพบความผิดปกติสามารถดูแล รักษาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
- มีการติดตามอาการหลังส่องกล้อง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยของเราปลอดภัย
- สะดวก สบาย ครบ จบใน 1 วัน ทั้งการเตรียมลำไส้และการส่องกล้อง
3 วิธี รักษามะเร็งลำไส้ใหญ่
1. การผ่าตัด
เป็นการรักษาหลักของมะเร็งลำไส้ใหญ่คือ การผ่าตัด เอาลำไส้ส่วนที่เป็นโรคและต่อมน้ำเหลืองออกไป ในบางครั้งถ้าเป็นมะเร็งที่ลุกลามมาก หรือมะเร็งของลำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่อยู่ติดกับทวารหนัก การผ่าตัดอาจมีความจำเป็นต้องทำทวารเทียมเอาปลายลำไส้ส่วนที่เหลืออยู่เปิดออกทางหน้าท้องเป็นทางให้อุจจาระออก
2. การให้ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy)
เป็นการให้ยาสารเคมี ซึ่งอาจให้ก่อนการผ่าตัดและหรือหลังผ่าตัดร่วมกับรังสีรักษาหรือไม่ก็ได้ การใช้เคมีบำบัดก็จะขึ้นกับข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ไม่จำเป็นต้องให้ในผู้ป่วยทุกราย แพทย์จะพิจารณาเป็นรายๆ ไป
3. การฉายแสง (รังสีรักษา)
เป็นการรักษาร่วมกับการผ่าตัด อาจฉายรังสีก่อนหรือหลังการผ่าตัด ทั้งนี้ขึ้นกับข้อบ่งชี้ทางการแพทย์เป็นรายๆ ไป โดยแพทย์จะประเมินจากลักษณะการลุกลามของก้อนมะเร็งและโอกาสการแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ จะมีทีมแพทย์ในสาขาต่างๆ เช่น ศัลยแพทย์ รังสีแพทย์ และอายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง ร่วมกันวางแผนการรักษาที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย
แพทย์จะเลือกการรักษาใดนั้นขึ้นอยู่กับว่าเป็นเซลล์มะเร็งมากน้อยเพียงใด มีการลุกลาม แพร่กระจายหรือไม่ และประเมินสภาพร่างกายของผู้ป่วยด้วยว่าเหมาะสมกับวิธีใดมากที่สุด

คำถามที่พบบ่อย
Q : หากแพทย์พบติ่งเนื้อจะทำอย่างไร
A : แพทย์สามารถทำการตัดได้ทันที ผ่านการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ และส่งตรวจติ่งเนื้อเพื่อวินิจฉัยโรคต่อไป
Q : หากพบติ่งเนื้อและตัดออกมาได้ จะรักษามะเร็งได้ไหม
A : ข้อมลูพบว่าการส่องกล้องลำไส้ใหญ่และตัดติ่งเนื้อสม่ำเสมอ สามารถลดอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่องกล้องลำไส้ใหญ่ถือเป็นการตรวจที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่อย่างดี
สรุป
มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นมะเร็งที่มีแนวโน้มตรวจพบมากขึ้นโดยในประชากรไทย พบเป็นอันดับ 2 ในเพศชาย และอันดับ 3 ในเพศหญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 45-50 ปี มีประวัติการขับถ่ายที่ผิดปกติ และมีความเสี่ยงมากขึ้นในกลุ่มประชากรที่มีประวัติมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัว การคัดกรองมะเร็งสามารถลดการเสียชีวิตจากมะเร็งได้ เพราะมะเร็งจะใช้เวลาหลายปีกว่ากลายพันธุ์มาจากติ่งเนื้อในลำไส้ ช่วงก่อนที่ติ่งเนื้อกลายพันุ์จึงเป็นช่วงที่แพทย์และผู้ป่วยอยากเจอให้เร็วที่สุด เพราะสามารถรักษาให้หายได้ แต่ปัญหาคือระยะนี้จะไม่แสดงอาการผิดปกติ ดังนั้นจึงแพทย์แนะนำให้ตรวจคัดกรองก่อนมีอาการ
ปัจจุบันการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยการส่องกล้อง (Colonoscopy) เป็นวิธีการตรวจที่ได้มาตรฐานและอันตรายน้อยที่สุด เนื่องจากไม่เจ็บ ใช้เวลาไม่นาน และไม่เสียเวลาพักฟื้น ในระหว่างที่ทำการส่องกล้องหากพบ ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ แพทย์สามารถทำการตัดติ่งเนื้อนั้นได้ทันที และหากติ่งเนื้อนั้นเป็นชนิดที่มีโอกาสกลายเป็นมะเร็ง อาจกล่าวได้ว่า นี่เป็นอีก 1 วิธีในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มแรก
แพ็กเกจส่องกล้องทางเดินอาหาร
อีกหนึ่งในมะเร็งร้ายใกล้ตัว ที่มักมาแบบไม่มีสัญญาณเตือน คือ มะเร็งลำไส้ใหญ่
“อย่านิ่งนอนใจ มะเร็งลำไส้หายได้ ถ้าตรวจพบในระยะเริ่มต้น”
ส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน (Gastroscopy) ราคาเหมาจ่าย รวม
- ค่าแพทย์ส่องกล้องกระเพาะอาหาร
- ค่าห้องส่องกล้อง
- ค่าระงับความรู้สึก (ยานอนหลับ)
- ค่าอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์
- ค่าห้องพักฟื้น
- ค่าบริการโรงพยาบาล
- ตรวจวิเคราะห์ผลโดยแพทย์ระบบทางเดินอาหาร
แพ็กเกจส่องกล้องตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) ราคาเหมาจ่าย รวม
- ค่าแพทย์ส่องกล้องลำไส้ใหญ่
- ค่าห้องส่องกล้อง
- ค่าห้องเตรียมลำไส้
- ค่ายาระบายสำหรับเตรียมลำไส้
- ค่าระงับความรู้สึก (ยานอนหลับ)
- ค่าอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์
- ค่าห้องพักฟื้น
- ค่าบริการโรงพยาบาล
- ตรวจวิเคราะห์ผลโดยแพทย์ระบบทางเดินอาหาร
ส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบนและส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Gastroscopy & Colonoscopy) ราคาเหมาจ่าย รวม
- ค่าแพทย์ส่องกล้องกระเพาะอาหาร
- ค่าแพทย์ส่องกล้องลำไส้ใหญ่
- ค่าห้องส่องกล้อง
- ค่าห้องเตรียมลำไส้
- ค่ายาระบายสำหรับเตรียมลำไส้
- ค่าระงับความรู้สึก (ยานอนหลับ)
- ค่าอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์
- ค่าห้องพักฟื้น
- ค่าบริการโรงพยาบาล
- ตรวจวิเคราะห์ผลโดยแพทย์ระบบทางเดินอาหาร
- กรุณาทำนัดล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- ราคานี้รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว
- แพ็กเกจนี้รวมค่ายาระงับความรู้สึกสำหรับการส่องกล้อง (Moderate sedation)
- แพ็กเกจนี้ยังไม่รวมการใช้ยาระงับความรู้สึกโดยวิสัญญีแพทย์ (ดมยาสลบ) หากจำเป็น
- แพ็กเกจนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายนอกเหนือการตรวจส่องกล้อง ได้แก่ ค่าตรวจชิ้นเนื้อเพิ่มเติม ค่าห้อง และค่าอาหารกรณีต้องการเข้าพักเป็นผู้ป่วยใน (แอดมิท)
- รับบริการที่ แผนก Digestive Care Centre ชั้น 3 Zone B โรงพยาบาลบีเอ็นเอช วันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 8.00-17.00 น.
- สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-022-0753, 02-022-0700 ต่อ 2753, 3330