
โรคมะเร็งลำไส้ ภัยร้ายใกล้ตัวที่ต้องระวัง
ปัจจุบันโรคมะเร็งลำไส้ เป็น 1 ใน 3 อันดับโรคมะเร็งที่พบบ่อยในประชากรไทย* อ้างอิงจากสถิติสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ปี 2565 ทั้งยังเพิ่มอัตราการเสียชีวิตและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตด้วย
มะเร็งลำไส้ใหญ่เริ่มต้นจากการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติบริเวณเยื่อบุลำไส้ใหญ่เกิดเป็นติ่งเนื้อเล็กๆ และค่อย ๆ กลายพันธุ์ไปเป็นก้อนมะเร็ง ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้รวมถึง การเข้าใจถึงสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเกิดมะเร็งลำไส้เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและลดการเกิดโรคนี้
*จากสถิติสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ปี 2565 พบมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และพบเป็นอันดับ 3 ในเพศหญิง
สารบัญ
มะเร็งลำไส้ เกิดจากอะไร?
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญชี้มะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดจาก 3 สาเหตุ “ พฤติกรรม-พันธุกรรม-โรค”
การเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยทางพันธุกรรมและปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม การเข้าใจว่ามะเร็งลำไส้เกิดจากอะไรจะช่วยให้เราสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พฤติกรรม ที่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่
การบริโภคอาหาร:
- อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน กุนเชียง เพราะมีสารไนเตรทที่เป็นสารก่อมะเร็งอยู่
- อาหารที่มีไขมันสูงและเนื้อแดงในปริมาณมาก รวมถึงอาหารที่มีการปิ้ง ย่าง หรือทอด ซึ่งสามารถทำให้เกิดสารก่อมะเร็งได้ เช่น โพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) และเฮทเทอโรไซคลิกเอมีน (HCAs)
- อาหารที่มีเส้นใยอาหารต่ำ อาจทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลงและเพิ่มเวลาที่สารก่อมะเร็งมีโอกาสสัมผัสกับเยื่อบุลำไส้
การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่:
- แอลกอฮอล์สามารถทำลายเยื่อบุลำไส้และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้
- สารพิษในบุหรี่ เช่น นิโคตินและทาร์ สามารถทำลาย DNA เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้

การไม่ออกกำลังกายและน้ำหนักเกิน:
- การไม่ออกกำลังกายสามารถทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่
- น้ำหนักเกินและโรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหลายชนิด รวมถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่
การพักผ่อนไม่เพียงพอ:
- การนอนไม่หลับหรือนอนดึกนอกจากจะมีผลต่อการรับประทานอาหารและการขับถ่าย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งลำไส้ (เช่น ต้องตื่นเช้ารีบไปทำงานหรือเรียน จนทานอาหารเช้าไม่ทัน) ยังมีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับการนอนกับการเกิดมะเร็งลำไส้พบว่า ผู้ที่นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงมีโอกาสมากถึง 47% ในการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ เมื่อเทียบกับคนที่นอนหลับอย่างน้อย 7 ชั่วโมง
พันธุกรรม ที่อาจส่งผลต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ประวัติครอบครัว: ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวโดยเฉพาะญาติสายตรง เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง ที่เคยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ หรือผู้ที่มีประวัติครอบครัวป็นมะเร็งเต้นมและมะเร็งรังไข่ มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งลำไส้สูงขึ้น
โรค ที่อาจส่งผลต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่
- โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง: เช่น โรคลำไส้อักเสบอุลเซอเรทีฟ โคลิติส (Ulcerative Colitis) และโรคโครห์น (Crohn’s Disease)
- ประวัติมะเร็งหรือพบติ่งเนื้อ(โพลิป)ในอดีต: ผู้ที่เคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือมีติ่งเนื้อที่ลำไส้มีความเสี่ยงสูงขึ้น
กระบวนการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่

มะเร็งลำไส้ อาการ
มะเร็งลำไส้ระยะแรกมักไม่มีอาการแสดง เรามักจะพบอาการผิดปกติเมื่อผู้ป่วยเป็นมะเร็งในระยะ 3-4 แล้ว อาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อาจแสดงออกมาในหลายลักษณะ ซึ่งบางครั้งอาจถูกมองข้ามหรือเข้าใจผิดว่าเป็นอาการของโรคอื่น ๆ การรู้จักและเข้าใจอาการที่บ่งบอกถึงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่จะช่วยให้เราสามารถตรวจพบและรักษาโรคได้ในระยะเริ่มต้น
การขับถ่ายที่เปลี่ยนไป
ท้องผูกหรือท้องเสียเป็นเวลานาน ความถี่ในการขับถ่ายเปลี่ยนไป เช่น จากขับถ่ายปกติกลายเป็นถ่ายอุจจาระบ่อยขึ้นหรือน้อยลง
รู้สึกว่าไม่ได้ขับถ่ายอุจจาระจนหมด แม้เพิ่งจะถ่ายเสร็จ มีอาการปวดเมื่อขับถ่ายอุจจาระ
ลักษณะอุจจาระ มะเร็งลำไส้
- อุจจาระมีลักษณะลีบ(เป็นลำเล็ก) บางหรือยาวผิดปกติ
- อุจจาระเป็นเลือด (มีเลือดปนในอุจจาระ ซึ่งอาจเป็นเลือดสดหรือเลือดที่มีสีดำคล้ำ)
- อุจจาระมีเมือกปน
- อุจจาระที่แข็งสลับกับอุจจาระที่เหลว (หรือท้องผูกสลับกับท้องเสีย) อย่างต่อเนื่องและเป็นเวลานาน
ความรู้สึกไม่สบายในช่องท้อง
อาการปวดท้องหรือปวดบีบเกร็งในช่องท้อง
มีลมในท้องหรือรู้สึกอิ่มเร็วหลังรับประทานอาหาร
อาการทั่วไปของร่างกาย
- น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วและไม่ทราบสาเหตุ
- อาการอ่อนเพลียหรือเหนื่อยล้าโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน ซึ่งอาจเกิดจากภาวะโลหิตจาง

การตรวจและการป้องกันมะเร็งลำไส้
การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นวิธีสำคัญในการป้องกันและรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มต้น การตรวจคัดกรองสามารถช่วยให้พบติ่งเนื้อหรือโพลิปที่อาจกลายเป็นมะเร็งได้ การตรวจเหล่านี้ประกอบด้วยหลายวิธี ดังนี้:
การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
เป็นการตรวจที่แพทย์ใช้กล้องส่องดูภายในลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง เพื่อหาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ หากพบติ่งเนื้อหรือโพลิป แพทย์สามารถตัดออกเพื่อวินิจฉัยและป้องกันการกลายเป็นมะเร็งได้ ควร เริ่มตรวจส่องกล้องตั้งแต่อายุ 45-50 ปี หรือเร็วกว่านี้หากมีประวัติครอบครัวที่เป็นมะเร็งลำไส้ และทำทุก 5-10 ปีสำหรับผู้ที่ไม่พบความผิดปกติ เป็นวิธีมาตราฐานในการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้

การตรวจภาพถ่าย (Imaging Tests)
เช่น การตรวจซีทีโคลโนสโคปี้ (CT Colonography) ใช้ภาพจากการตรวจซีทีสแกนเพื่อตรวจหาการเปลี่ยนแปลงในลำไส้ใหญ่ ควรทำทุก 5 ปี
การส่องกล้องลำไส้ตรงและส่วนต้นของลำไส้ใหญ่ (Flexible Sigmoidoscopy):
เป็นการตรวจที่ใช้กล้องส่องดูส่วนต้นของลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง มักทำทุก 5 ปี และอาจใช้ร่วมกับการตรวจเลือดในอุจจาระ
การตรวจเลือดในอุจจาระ (Fecal Occult Blood Test, FOBT):
การตรวจนี้ใช้ตัวอย่างอุจจาระเพื่อตรวจหาการมีเลือดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ควรทำทุกปี การพบเลือดในอุจจาระอาจบ่งชี้ถึงการมีโพลิปหรือมะเร็ง
การตรวจ DNA ในอุจจาระ (Stool DNA Test):
ตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของ DNA ที่บ่งชี้ถึงการเกิดมะเร็งหรือโพลิป ควรทำทุก 3 ปี
และควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้เพื่อช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้:
- เพิ่มการบริโภคอาหารที่มีเส้นใยสูง
- ลดการบริโภคเนื้อแดงและอาหารแปรรูป
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาน้ำหนักและกระตุ้นระบบย่อยอาหาร

การรักษามะเร็งลำไส้
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ขึ้นอยู่กับระยะของมะเร็งลำไส้ใหญ่ และปัจจัยอื่นๆ การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่มีหลายวิธี ได้แก่:
การผ่าตัด (Surgery)
การผ่าตัดเป็นวิธีการหลักในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยการตัดเนื้องอกและส่วนของลำไส้ที่มีการแพร่กระจายออก
- การผ่าตัดเอาเนื้องอกออก (Polypectomy และ Local Excision): สำหรับมะเร็งระยะเริ่มต้น การผ่าตัดผ่านการส่องกล้องเพื่อตัดเนื้องอกออกจากลำไส้ใหญ่
- การผ่าตัดลำไส้ใหญ่บางส่วน (Partial Colectomy): ตัดส่วนของลำไส้ใหญ่ที่มีเนื้องอกออก พร้อมกับต่อส่วนที่เหลือของลำไส้ใหญ่เข้าด้วยกัน
- การผ่าตัดลำไส้ใหญ่ทั้งส่วน (Total Colectomy): ตัดลำไส้ใหญ่ออกทั้งหมด ซึ่งอาจจำเป็นในกรณีที่มีเนื้องอกหลายจุดหรือมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็ง
การฉายแสง (Radiation Therapy)
ใช้รังสีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะในกรณีที่มะเร็งลำไส้ตรง อาจใช้ร่วมกับการผ่าตัดและเคมีบำบัด

การใช้เคมีบำบัด (Chemotherapy):
ใช้ยาที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง เคมีบำบัดสามารถใช้ก่อนการผ่าตัดเพื่อลดขนาดเนื้องอกหรือหลังการผ่าตัดเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งซ้ำ
การใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy):
ใช้ยาเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง มักใช้ในกรณีของมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเฉพาะ
การใช้ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy)
ใช้ยาเฉพาะที่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งโดยไม่ทำลายเซลล์ปกติ มักใช้ในกรณีที่มะเร็งมีการกระจายไปยังอวัยวะอื่น
ให้ "การส่องกล้องทางเดินอาหาร" ของคุณเป็นเรื่องง่าย❗️
หมดกังวลเรื่องคิวนาน ! แผนก Digestive Care Centre โรงพยาบาลบีเอ็นเอช
บริการเต็มรูปแบบทุกวัน ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย เย็น เราก็พร้อมให้บริการส่องกล้องทางเดินอาหารแบบครบวงจรทุกวัน
สะดวกและมั่นใจ ด้วยการเตรียมลำไส้ในช่วงเช้า และเข้ารับการส่องกล้องในช่วงบ่าย
ดูแลพิเศษ โดยพยาบาลผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอนของการเตรียมลำไส้
ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สำหรับการเตรียมลำไส้
ข้อดีของการส่องกล้องที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอช
- มีทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ทางระบบทางเดินอาหาร คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
- มีเครื่องมือที่ทันสมัย ส่องกล้องด้วย AI และ NBI เทคโนโลยีจากญี่ปุ่น เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย
- มีห้องพักสำหรับการเตรียมตัวส่องกล้องแบบส่วนตัว หมดความกังวลแม้คุณมาเองเพียงลำพัง
- ทีมพยาบาลเฉพาะทางดูแลและเตรียมยาระบายให้ท่านตามกระบวนการและเวลาที่เหมาะสม หมดกังวลเรื่องถ่ายยาก ถ่ายไม่หมด หรือปวดขับถ่ายระหว่างเดินทาง
- หากตรวจพบความผิดปกติสามารถดูแล รักษาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
- มีการติดตามอาการหลังส่องกล้อง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยของเราปลอดภัย
- สะดวก สบาย ครบ จบใน 1 วัน ทั้งการเตรียมลำไส้และการส่องกล้อง
ความหน้ากลัวของมะเร็งลำไส้ (ถุงหน้าท้องมะเร็งลำไส้)
มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นหนึ่งในมะเร็งที่มีความน่ากลัวเนื่องจากมีอัตราการเสียชีวิตสูง หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมและทันท่วงที นอกจากการผ่าตัดและการรักษาอื่น ๆ แล้ว ผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้ถุงหน้าท้อง (Ostomy) เพื่อช่วยในการขับถ่ายหลังการผ่าตัดลำไส้ใหญ่
ความน่ากลัวของมะเร็งลำไส้ใหญ่
- การแพร่กระจายของมะเร็ง: มะเร็งลำไส้ใหญ่สามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ได้ เช่น ตับ ปอด และกระดูก ซึ่งทำให้การรักษายุ่งยากและซับซ้อนขึ้น
- อัตราการเสียชีวิตสูง: หากตรวจพบในระยะที่มะเร็งแพร่กระจายแล้ว โอกาสในการรักษาให้หายขาดจะลดลง
- ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต: มะเร็งลำไส้ใหญ่และการรักษาอาจทำให้ผู้ป่วยต้องเผชิญกับความเจ็บปวด ความไม่สบาย และการเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน
- การกลับมาเป็นใหม่: แม้จะรักษาแล้ว มะเร็งลำไส้ใหญ่อาจกลับมาเป็นใหม่ได้ ทำให้ต้องมีการติดตามผลและตรวจคัดกรองอย่างต่อเนื่อง
ถุงหน้าท้องมะเร็งลำไส้ (Ostomy)
การใช้ถุงหน้าท้อง หรือ Ostomy ในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ เป็นการผ่าตัดให้มีช่องทางเปิดออกทางหน้าท้อง เพื่อให้เป็นทางผ่านของอุจจาระ เนื่องจากของเสียภายในร่างกายของผู้ป่วยไม่สามารถออกผ่านช่องทางปกติได้ การใช้ถุงหน้าท้องมักจำเป็นในกรณีที่ลำไส้ใหญ่หรือลำไส้ตรงถูกตัดออกบางส่วนหรือทั้งหมด
สรุป
มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นภัยร้ายใกล้ตัวที่เราต้องระวัง เพราะมีอัตราการเสียชีวิตสูงหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมและทันท่วงที และมะเร็งลำไส้ระยะแรกมักไม่มีอาการ หากพบอาการผิดปกติมักจะเป็นความผิดปกติด้านการขับถ่ายโดยมักจะพบผู้ป่วยระยะท้ายแล้ว

บทความโดย
พญ. ศรัณย์รัตน์ เตยวัฒนะชัย
ตารางออกตรวจแพทย์
วัน | เวลา | แผนก |
---|---|---|
จันทร์ | 08:00 – 19:00 | ศูนย์ระบบทางเดินอาหาร |
อังคาร | 08:00 – 17:00 | ศูนย์ระบบทางเดินอาหาร |
พุธ | 10:00 – 18:00 | ศูนย์ระบบทางเดินอาหาร |
ศุกร์ | 08:00 – 16:00 | ศูนย์ระบบทางเดินอาหาร |
อาทิตย์ | 08:00 – 16:00 | ศูนย์ระบบทางเดินอาหาร |
ติดต่อสอบถาม หรือทำนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ผ่าน LINE @MBRACE
แพ็กเกจส่องกล้องทางเดินอาหาร
อีกหนึ่งในมะเร็งร้ายใกล้ตัว ที่มักมาแบบไม่มีสัญญาณเตือน คือ มะเร็งลำไส้ใหญ่
“อย่านิ่งนอนใจ มะเร็งลำไส้หายได้ ถ้าตรวจพบในระยะเริ่มต้น”
ส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน (Gastroscopy) ราคาเหมาจ่าย รวม
- ค่าแพทย์ส่องกล้องกระเพาะอาหาร
- ค่าห้องส่องกล้อง
- ค่าระงับความรู้สึก (ยานอนหลับ)
- ค่าอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์
- ค่าบริการโรงพยาบาล
แพ็กเกจส่องกล้องตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) ราคาเหมาจ่าย รวม
- ค่าแพทย์ส่องกล้องลำไส้ใหญ่
- ค่าห้องส่องกล้อง
- ค่าห้องเตรียมลำไส้
- ค่ายาระบายสำหรับเตรียมลำไส้
- ค่าระงับความรู้สึก (ยานอนหลับ)
- ค่าอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์
- ค่าบริการโรงพยาบาล
- ค่าห้องพักฟื้น
ส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบนและส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Gastroscopy & Colonoscopy) ราคาเหมาจ่าย รวม
- ค่าแพทย์ส่องกล้องกระเพาะอาหาร
- ค่าแพทย์ส่องกล้องลำไส้ใหญ่
- ค่าห้องส่องกล้อง
- ค่าห้องเตรียมลำไส้
- ค่ายาระบายสำหรับเตรียมลำไส้
- ค่าระงับความรู้สึก (ยานอนหลับ)
- ค่าอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์
- ค่าบริการโรงพยาบาล
- ค่าห้องพักฟื้น
- กรุณาทำนัดล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- ราคานี้รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว
- แพ็กเกจนี้รวมค่ายาระงับความรู้สึกสำหรับการส่องกล้อง (Moderate sedation)
- แพ็กเกจนี้ยังไม่รวมการใช้ยาระงับความรู้สึกโดยวิสัญญีแพทย์ (ดมยาสลบ) หากจำเป็น
- แพ็กเกจนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายนอกเหนือการตรวจส่องกล้อง ได้แก่ ค่าตรวจชิ้นเนื้อเพิ่มเติม ค่าห้อง และค่าอาหารกรณีต้องการเข้าพักเป็นผู้ป่วยใน (แอดมิท)
- รับบริการที่ แผนก Digestive Care Centre ชั้น 3 Zone B โรงพยาบาลบีเอ็นเอช วันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 8.00-17.00 น.
- สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-022-0753, 02-022-0700 ต่อ 2753, 3330