ทางสายกลางที่มีความสุขของ นพ. สมเจตน์ เจนวรพจน์
หมอกระดูกทาสหมาผู้ฝันอยากเป็นวิศวกร

ทางสายกลางที่มีความสุข

– นพ. สมเจตน์ เจนวรพจน์ –

ในโลกของการรักษาที่ความอาวุโสเป็นสิ่งที่สำคัญที่คนไข้ใช้พิจารณาแพทย์ หมอรุ่นใหม่วัยต้น 30 อย่าง นพ. สมเจตน์ เจนวรพจน์ แพทย์ประจำศูนย์กระดูกและข้อครบวงจร โรงพยาบาล BNH เลือกใช้หนทางอื่นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้คนไข้ด้วยรอยยิ้มและจุดแข็งของตนเอง และมอบความสบายใจให้คนไข้จนได้รับความไว้วางใจประหนึ่งลูกหลานและเพื่อนคนหนึ่ง แม้ว่าจุดเริ่มต้นของคุณหมอไม่ได้สนใจงานแพทย์เลยก็ตาม

เด็กชายผู้ชอบงานช่าง

“ผมอยากเรียนวิศวะมาก จบ ม.6 แล้วจะไปต่างประเทศ แล้วก็ได้แล้วด้วย”

หมอสมเจตน์เรียนโรงเรียนชายล้วนมาแต่เด็ก และเขาก็เป็นเหมือนผู้ชายทั่วไปที่ได้รับอิทธิพลจากสังคมชายล้วนให้สนใจอาชีพที่เชื่อกันว่า ‘แมน ๆ’ อย่างวิศวกร เขาชอบวิชาฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ชื่นชอบการคำนวณ การได้ใช้เครื่องมือกลไกแบบงานช่าง และใฝ่ฝันจะได้ไปเรียนสาขาวิศวกรรมที่ต่างประเทศ และเขาก็ทำสำเร็จสอบได้ทุนไปเรียนต่อประเทศสิงคโปร์

“แต่สุดท้ายก็มาเรียนหมอตามที่คุณพ่อคุณแม่อยากให้เรียน ผมเป็นลูกคนเล็ก มีพี่น้อง 4 คน ยังไม่มีใครเป็นหมอ ก็เลยเป็นความหวังสุดท้าย”

“ตอนนั้นก็เศร้าเหมือนกัน”

ทางบ้านของคุณหมอ มีคุณพ่อทำงานหารายได้ และมีคุณแม่คอยเลี้ยงดูลูก ๆ หมอเจตน์เติบโตมากับการเป็นลูกมือคุณแม่ในห้องครัวจึงใกล้ชิดกับคุณแม่เป็นพิเศษ คำขอของแม่จึงมีความหมายกับเขามากถึงขั้นยอมเสียสละความฝันของตัวเอง

ด้วยความที่ไม่ชอบวิชาชีววิทยาเป็นทุนเดิม ทำให้ชีวิต 5 ปีแรกในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นศพ.สมเจตน์ ต้องเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบไปโดยไม่รู้อนาคตว่าจะหาทางสายกลางในวิชาชีพนี้ได้อย่างไร จนในที่สุดก็ได้วนมาเรียนสาขาวิชากระดูกและข้อหรือออร์โธปิดิกส์ ที่เขาได้จับเครื่องมือแพทย์งัดกระดูก ใช้สว่านเจาะกระดูก ขันสกรูดามกระดูก จะว่าไปก็มีส่วนคล้ายกับงานวิศวกร แถมเนื้อหาทางชีววิทยาที่ต้องท่องจำก็น้อยกว่าสาขาอื่น

“ก็ดูเป็นอะไรที่ใกล้กับสิ่งที่เราชอบมากที่สุด อินทั้งเนื้อหา อินทั้งโรค ก็เลยเลือกมาเป็นแพทย์ด้านกระดูกและข้อ”

ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อญาติผู้ใหญ่ในครอบครัวเริ่มอายุมากขึ้น ความเสื่อมของร่างกายที่มากขึ้นตามธรรมชาติ ลูกชายคนเดียวของครอบครัวที่ยอมเป็นแพทย์ตามคำร้องขอของคุณแม่ก็กลับรู้สึกขอบคุณการตัดสินใจในวันนั้นที่ทำให้เขาได้ดูแลสุขภาพให้คนที่เขารัก รวมถึงได้ผ่าตัดรักษาอาการเจ็บป่วยของคุณแม่ด้วยตัวเอง

เคสแห่งความภูมิใจ

ราว 5 สัปดาห์ที่แล้ว หมอเจตน์เพิ่งผ่าตัดส่องกล้องซ่อมแซมเส้นเอ็นหัวไหล่ที่ฉีกขาดให้กับคุณแม่ของเขาไป และนี่นับเป็นเคสที่ยากที่สุดในชีวิต ซึ่งไม่ใช่เพราะอาการของโรค แต่เป็นความท้าทายด้านความรู้สึกของคุณหมอเอง

“เมื่อราวปีครึ่ง คุณแม่ปวดไหล่มาก ผมตรวจดูแล้วก็เจอหินปูนที่ใหญ่มากอยู่ในเส้นเอ็น พาไป MRI ก็เจอว่าเส้นเอ็นขาด แต่ตอนนั้นคุณแม่ไม่อยากผ่าตัด แล้วต่อจากนั้นอาการเจ็บและการใช้งานดีขึ้นเอง ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ผมก็เฝ้าติดตามมาตลอด ผมเป็นหมอด้านนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าไม่ผ่า ในอนาคตก็ไหล่เสื่อมแน่นอน แต่รอถึงปีครึ่งก็เพราะว่าผมยังไม่เคยมีประสบการณ์ผ่าตัดให้คนใกล้ตัวขนาดนี้มาก่อน ถ้าเป็นคนไข้คนอื่นผมก็คงบอกว่าให้เตรียมผ่าเถอะ แต่นี่เป็นแม่ของเรา”

ย้อนไปก่อนหน้าการผ่าตัดให้คุณแม่ หมอเจตน์ได้ดูแลคนไข้ชาวต่างชาติที่เส้นเอ็นไหล่ขาดมาปีครึ่งเหมือนกัน คนไข้รายนั้นก็ไม่มีอาการปวด และสามารถใช้ชีวิตออกกำลังกายว่ายน้ำได้ตามปกติเหมือนเคสของคุณแม่ แต่เขาเพียงแค่มาโรงพยาบาลเพราะอยากตรวจอัปเดตว่าอาการเป็นอย่างไรบ้างแล้วเท่านั้น พอคุณหมอเอกซเรย์ดู ปรากฏว่าเป็นข้อไหล่เสื่อม ซึ่งเมื่อลองเทียบดูแล้ว ทั้งอาการและช่วงเวลาตรงกับเคสคุณแม่หมด จึงเป็นเหตุให้หมอเจตน์รอไม่ได้อีกต่อไป

“ก็คุยกับคุณแม่ แล้วพาเขาไปเที่ยวก่อนเพราะว่าถ้าผ่าตัดแล้วไหล่จะใช้งานไม่ได้สักพัก เสร็จแล้วก็พาคุณแม่มาผ่าตัดส่องกล้องเย็บซ่อมเส้นเอ็น โชคดีที่คุณแม่ยังไม่มีภาวะข้อไหล่เสื่อม และการผ่าตัดทุกอย่างเรียบร้อยดี ตอนนี้ก้อรอให้เส้นเอ็นเชื่อมติดแล้วฟื้นตัว

“ปัจจัยที่ว่าเป็นคนใกล้ตัวจะทำให้เรามีการตัดสินใจที่ต่างจากเวลารักษาคนไข้อื่น กับคุณแม่ ผมห่วงว่าทำดีพอมั้ย พลาดไปจะเกิดอะไรขึ้น ความกังวลมันมากกว่าปกติ ทำให้รอกันอยู่สักพักนึงก่อนที่จะตัดสินใจทำ ผมไม่ได้ยกเคสให้หมอท่านอื่นเพราะคุณแม่เองก็อยากให้ผมทำ ผมเองก็อยากผ่าให้ท่านเองด้วย ตอนที่ผ่าตัดก็มีอาจารย์หมออีกท่านเข้าช่วยร่วมด้วย”

ในการรักษาคุณแม่อาจมีเหตุผลด้านครอบครัวที่สร้างความเชื่อใจทางการรักษา แต่สำหรับเคสอื่นแล้ว ไม่ได้มีปัจจัยอื่นมาทำให้คนไข้เกิดความเชื่อใจนอกจากความสามารถของตัวเอง ในกรณีของหมอสมเจตน์ ความเชื่อใจสร้างได้ด้วยการสื่อสาร

“ตอนมาทำงานที่โรงพยาบาล BNH แรก ๆ มีเคสนึงเป็นเด็กฝรั่งมาเที่ยวแล้วล้ม ผมได้รับมอบหมายให้ไปคุยด้วย ผมก็ทำให้พ่อเขาเข้าใจ เอารูปให้ดูแล้วบอกว่าต้องผ่าตัด แต่เนื่องจากเป็นกระดูกเด็กก็ต้องใช้หมอกระดูกเด็กเข้ามาอีกคน แล้วสิ่งที่พ่อคนไข้บอกในทันทีหลังจากผมได้อธิบายเสร็จ คือเขาจะให้ลูกของเขาผ่าที่นี่ และต้องให้ผมเข้าร่วมการผ่าตัดด้วย คำพูดนี้แสดงว่าเขาต้องมอบความไว้วางใจและเชื่อใจมาก มากที่จะยอมยกลูกของตัวเองให้คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ผ่าตัดให้ ผมคุยวันนั้นเสร็จเขาก็ตัดสินใจผ่าวันนั้นเลย

“ความเชื่อถือจากคนไข้โดยทั่วไปเกิดจากความอาวุโสหรือมีคนแนะนำต่อกันมา แต่ผมไม่มีสิ่งเหล่านั้นเลย การที่เราจะทำให้เขาเชื่อได้ การสื่อสารสำคัญมาก ไม่ใช่แค่พูดเก่งอย่างเดียว แต่ผมจะให้คนไข้ทุกคนที่จะต้องรับการผ่าตัดจากผมได้สบายใจและมั่นใจก่อน ถ้าได้พูดคุยกันแล้วผมจะเป็นคนกระฉับกระเฉงแล้วก็พูดชัดเจน ตอบคำถามหมด แต่ถ้ายังไม่ได้คุยกัน เขาจะคิดว่าหมอหน้าเด็กจัง จะเชื่อถือได้ขนาดไหน”

จุดเด่นของโรงพยาบาลบีเอ็นเอชคือการทำงานเป็นทีม ด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ของบุคลากร ทำให้แพทย์แต่ละท่านสนิทใจที่จะปรึกษาหารือเคสการรักษาคนไข้กันไม่ว่าจะเป็นเคสจากแผนกเดียวกันหรือต่างแผนกเพื่อมอบการรักษาแบบบูรณาการรอบด้าน (Completed Care) ให้แก่คนไข้ อย่างในแผนกกระดูกและข้อ คุณหมอมักจะทำการผ่าตัดเป็นทีมตั้งแต่ 2-5 ท่าน เพื่อแบ่งหน้าที่กันตามความถนัดของแต่ละคน และการตัดสินใจร่วมกันก็ดีกว่าการตัดสินใจเพียงลำพัง หรือคนไข้บางรายที่มารักษาด้วยโรคทางกระดูกกับหมอสมเจตน์ แต่คุณหมอจะไม่ได้ดูแค่กระดูก ค่าตัวเลขหรือผลจากการซักประวัติเบื้องต้นยังนำไปสู่การพบเจอความผิดปกติที่อวัยวะอื่น ๆ ที่อาจรุนแรงกว่า เมื่อประสานงานกับแพทย์เฉพาะทางแล้วก็ทำให้คนไข้รับการรักษาได้ทันท่วงทีก่อนที่โรคจะลุกลามจนรักษาให้หายได้ยาก

“ข้อดีของที่นี่อยู่ตรงที่คุณหมอรู้จักกัน ถ้าเจออะไรผิดปกติก็แค่ยกสายคุยกันเลย ผมบอกคนไข้ตรง ๆ ว่าเคสนี้ดูแปลก ๆ นะ คนไข้มา 100 คน ผมวินิจฉัยไม่ได้ทั้ง 100 คน แต่ผมบอกได้ว่าผมสงสัยอะไร แล้วผมจะทำอะไรต่อก็บอกให้เขาเข้าใจ ถึงแม้ว่าเป็นเคสที่เราวินิจฉัยไม่ได้ แต่คนไข้ก็จะไม่มีคำถามกลับบ้านไปว่าทำไมหมอยังรักษาไม่ได้ ขั้นตอนในการวินิจฉัยตรงนี้ ผมก็จะให้เขารู้ว่าอยู่ในระหว่างการหาคำตอบให้เขา

“ระดับอาจารย์นพรัตน์ ผอ.โรงพยาบาล ยังมาชวนผมกินกาแฟ มาดริปกาแฟให้ ที่นี่ไม่มีช่องว่างของอายุ  ผมอายุน้อยแต่ว่ารู้จักทุกคน ไม่ใช่ว่าผมไปรู้จักเขา แต่เขาก็ลงมาทำความรู้จักผม ในที่ทำงานมันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัว ทำให้ผมทำงานได้ง่ายขึ้น คล่องตัวขึ้น”

หมอวัยรุ่น

ในวงการแพทย์ ความอาวุโสคือเหตุผลสำคัญที่คนไข้มอบความเชื่อใจให้ แต่ด้วยวัย 30 ตอนต้น หมอเจตน์ยังห่างไกลกับคำว่าแพทย์อาวุโสนัก การสื่อสารจึงเป็นอาวุธหลักที่เขาใช้สร้างความเชื่อใจให้คนไข้ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว และอีกสิ่งคือความกันเอง

‘ลูก’ กลายเป็นคำแทนที่คนไข้รุ่นพ่อแม่ใช้เรียกหมอเจตน์ กลุ่มผู้สูงอายุมักมีปัญหาจากความเสื่อมของกระดูกตามธรรมชาติและต้องรักษาต่อเนื่องจึงกลายเป็นความผูกพันไปโดยปริยาย และไม่ใช่เพียงเพราะคุณหมออยู่ในวัยใกล้เคียงกับบุตรหลานของพวกเขา แต่การปฏิบัติตัวต่อคนไข้รุ่นใหญ่ที่มอบทั้งความนอบน้อม จริงใจ และเป็นกันเองนี้ ก็ทำให้คนไข้เอ็นดูและรู้สึกใกล้ชิดกับคุณหมอเหมือนคนในครอบครัว

“มีคนไข้อายุประมาณ 40 กว่า ข้อเท้าหักมา หลังจากผ่าตัดเสร็จประมาณ 2 เดือน ก็มาคุยกัน เขาก็บอกว่าเขาชอบผมที่ดูเป็นหมอวัยรุ่น คุยง่าย เข้าถึงง่าย ถามอะไรก็ตอบ ไม่ต้องมาเก็บทรงกัน”

ขยับลงมาที่คนไข้รุ่นเดียวกันกับหมอเจตน์ อายุที่ยังไม่มากกลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้คนไข้สบายใจ และกล้าเปิดใจเมื่อได้คุยกับคุณหมอ บางทีหมอเจตน์ก็อาจจะมีคำแนะนำที่ใช้ศัพท์แปลก ๆ หลุดมา เช่น ช่วงนี้อย่าเพิ่งไปซ่า แต่มันก็ทำให้คนไข้เข้าใจคำอธิบายของแพทย์ได้ง่ายดาย ช่วยกระชับสายสัมพันธ์ระหว่างหมอและคนไข้ และสุดท้ายก็เป็นคนไข้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุด

“ผมไม่อยากให้ใครเรียกว่าคุณหมอ ถ้าได้เจอกันข้างนอกก็ไม่อยากให้มีภาพลักษณ์ของความเป็นหมอ อยากให้เรียกเป็นคนธรรมดา เพราะเรารู้สึกว่าการใช้คำว่าหมอในสังคมไทยมันดูต้องเคารพ แต่เราไม่ได้อยากได้ขนาดนั้น ผมชอบมากเลยถ้าคุณลุงอายุ 70 ปี มาเรียกผมว่า ‘ลูก’ อย่างเพื่อนนี่ก็ให้เรียกว่า ‘เจตน์’ ”

แพทย์กระดูกกับการลงทุนเพื่อตัวเอง

“ผมเจอคนไข้มาเยอะ บางคนอายุ 70 ปี เข่ายังปกติดีวิ่งออกกำลังกายได้กระฉับกระเฉง แต่บางคนแค่ 60 กว่าปีก็มีปัญหาแล้ว สองคนนี้ต่างกันยังไง มันไม่ใช่ว่าตอนอายุ 60 ดูแลตัวเองยังไง แต่เป็นว่าตอนอายุ 45-50 ปีทำตัวยังไง”

ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอกระดูกแล้ว หมอสมเจตน์ได้นำความรู้มาใช้กับการดูแลตัวเอง ในวัย 30 ปี ที่กระดูกยังแข็งแรงไม่มีวี่แววของโรคกระดูกพรุน คุณหมอก็เริ่มทานอาหารเสริมจำพวกวิตามินดี มีเครื่องวัดความดันส่วนตัวเพื่อตรวจความผิดปกติของร่างกายด้วยตัวเอง ออกกำลังกายโดยการว่ายน้ำ เวตเทรนนิง และวิ่งที่สวนลุมพินีทุกเช้าก่อนเริ่มงาน ทุกอย่างคือการลงทุนเพื่อรักษาให้กระดูกแข็งแรงไปจนแก่เฒ่า

“ผมเป็นหมอกีฬา ก็จะมีคนไข้มาถามประจำว่าวิ่งออกกำลังกายแบบนี้ดีไหม ผมจะบอกคนไข้ว่าไม่เคยรังเกียจการออกกำลังกาย วิ่งอ่ะดีทำไปเลย วิ่งด้วยความระมัดระวังแล้วเข่าก็ไม่เสื่อม พยายามไม่วิ่งหักศอกเพราะมันไม่ดีต่อเข่า แต่เมื่อไหร่ที่คุณบาดเจ็บ การให้คำแนะนำก็จะเปลี่ยนแล้ว ถ้าหมอนรองกระดูกฉีกขาดแล้วยังวิ่งต่อ อันนี้เข่าเสื่อมแน่ อย่างการสควอชทำให้กล้ามเนื้อสะโพกและต้นขาดูดีขึ้น แต่ถ้ากระดูกสะบ้าเสื่อมก็จะเจ็บเข่ามากขึ้น”

ทาสหมาขั้นสุด

หากไปส่องไอจีคุณหมอเจตน์ จะไม่มีอะไรที่เกี่ยวพันกับความรักที่มีต่อน้องหมาเลย แต่ที่จริงแล้วคุณหมอเป็นทาสหมาขั้นสุดที่เกิดและเติบโตมากับการมีน้องสี่ขาอยู่เคียงข้าง

“มีตัวนึงเป็นหมาคู่ใจ เขามาอยู่ตอนผมวัยรุ่นแล้ว น้องชื่อ ‘จิ๊กกี้’ แต่บางทีก็เป็น ‘เจ็กโกะ’ ‘ทองดี’ หรือชื่ออื่น ๆ อีก ผมชอบเปลี่ยนชื่อหมาแล้วดูว่าเขาจะจำมั้ย สรุปว่าเขาจำได้ เขาจำโทนเสียงเอา เรียกแล้วก็หัน น้องเป็นหมาที่ไม่เชื่องเท่าไร แต่ว่าเขาน่ารัก เป็นหมาพันธุ์ทางเคยเป็นหมาวัดมาก่อน หมาก่อนหน้านี้ก็มาจากวัด

“ผมชอบโมเมนต์ที่กลับบ้านแล้วเปิดประตู เขาจะส่ายหางแล้วก็กระโจนเข้าหา ส่งเสียงดีใจ เขาคิดถึงเรามาก รักเจ้าของขนาดนั้น ถ้าเป็นคนก็คือบ้าไปแล้ว”

ทุกวันนี้ ด้วยอายุของคุณพ่อคุณแม่ที่มากขึ้น ประกอบกับตัวคุณหมอเองก็ไม่ได้อาศัยอยู่กับครอบครัวทุกวัน เมื่อเจ้าจิ๊กกี้จากไปตอนหมอเจตน์อายุ 28 ปี จึงไม่ได้มีสุนัขตัวใหม่เข้ามาแทนเพราะผู้สูงอายุดูแลน้องตามลำพังไม่ไหว แต่หมอเจตน์ก็ยังคงหาโอกาสให้ได้ใกล้ชิดกับน้องหมาอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของเพื่อน น้องหมาข้างทาง หรือหมาวัดก็ตาม

Customer’s Story

Articles & Published Content

ทำนัดหมายแพทย์ออนไลน์​ | Appointment

นพ. สมเจตน์ เจนวรพจน์

ศูนย์กระดูกและข้อครบวงจร

ความชำนาญพิเศษ

กระดูกและข้อ, หัวไหล่และข้อเข่า, การบาดเจ็บจากกีฬา

ภาษา

ไทย, อังกฤษ

ทำนัดหมาย


– ผ่าตัดส่องกล้องหัวไหล่และข้อเข่า
– การบาดเอ็นหัวไหล่, เอ็นเข่า และหมอนรองกระดูกเข่าฉีกขาด
– การบาดเจ็บทางกีฬา


– ออร์โธปิดิกส์ แพทยาสภา 2564
– เวชศาสตร์การกีฬา โรงพยาบาลจุฬา 2565


– แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2557 (เกียรตินิยม)

ตารางออกตรวจแพทย์
วัน เวลา แผนก
อังคาร 08:00 – 18:00 ศูนย์กระดูกและข้อครบวงจร
พุธ 08:00 – 16:00 ศูนย์กระดูกและข้อครบวงจร
พฤหัสบดี 08:00 – 18:00 ศูนย์กระดูกและข้อครบวงจร
ศุกร์ 08:00 – 14:00 ศูนย์กระดูกและข้อครบวงจร
อาทิตย์ 08:00 – 14:00 ศูนย์กระดูกและข้อครบวงจร
ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง

ยินยอมทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง
    เปิดใช้งานตลอด

    เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเว็บไซต์ของเรา เนื่องจากคุกกี้เหล่านี้ทำให้เว็บเซิร์ฟเวอร์สามารถตอบสนองต่อการกระทำของท่านได้ อีกทั้งยังช่วยในการแสดงผลหน้าเว็บต่อท่าน และยังรวมถึงมอบประสบการณ์ที่สอดคล้องในระหว่างการท่องเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้จะคงอยู่จนกว่าจะสิ้นสุดการเยี่ยมชมของท่านและจะถูกลบอัตโนมัติทันที
    รายชื่อคุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์/เพื่อประสิทธิภาพ

    ช่วยให้เราสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ของเราด้วยจำนวนครั้งการเข้าดูหน้าเว็บและจำนวนผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์ โดยบริการวิเคราะห์เว็บจะวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของผู้ใช้ ซึ่งเราจะใช้ข้อมูลดังกล่าวในการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้หรือค้นหาส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ที่ควรได้รับการปรับปรุง อย่างไรก็ตามข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถระบุถึงตัวบุคคลได้ (กล่าวคือ เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถใช้เพื่อระบุตัวตนของท่านและไม่มีการเก็บรวบรวมหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ และที่อยู่อีเมลของท่าน) และข้อมูลเหล่านี้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางสถิติเท่านั้น
    รายชื่อคุกกี้เพื่อการวิเคราะห์/เพื่อประสิทธิภาพ

  • คุกกี้เพื่อช่วยในการใช้งาน

    ช่วยให้เรารับรู้เมื่อท่านกลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา ด้วยข้อมูลนี้เราจึงสามารถปรับแต่งเว็บไซต์ของเราให้เป็นไปตามความต้องการของท่านได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเยี่ยมชมของท่านให้มีประสิทธิภาพและเฉพาะเจาะจงสำหรับท่านมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วข้อมูลที่รวบรวมโดยคุกกี้เหล่านี้จะไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้
    รายชื่อคุกกี้เพื่อช่วยในการใช้งาน

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณา

    จะอยู่บนอุปกรณ์ของท่านเพื่อบันทึกหน้าเว็บไซต์หรือลิงค์ที่ท่านได้เยี่ยมชมหรือติดตาม ข้อมูลที่ได้จะถูกใช้เพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ของเราและแคมเปญโฆษณาของเราเพื่อให้เหมาะกับความสนใจของท่าน
    คุกกี้เพื่อการโฆษณา

บันทึก