ความประทับใจจากคนไข้ คุณพิชญ์ศิณี

แชร์ประสบการณ์ ปลดล็อคพันธนาการ 10 ปี จากเนื้องอกมดลูก 3 ก้อน และช็อคโกแล็ตซีสต์ที่รังไข่ทั้ง 2 ข้าง ของคุณพิชญ์ศิณี รักษ์บุญยวง

อดทนกับอาการปวดท้อง จากเนื้องอกมดลูกถึง 3 ก้อน และโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (ช็อคโกแล็ตซีสต์) ที่รังไข่ทั้ง 2 ข้าง ปวดจนบางครั้งแทบขยับก้าวเดินไม่ไหว บวกกับอาการเลือดออกช่วงที่มีประจำเดือนเยอะผิดปกติจนตัวซีด และไม่สามารถทำงานที่รักได้อย่างเต็มที่ ตลอด 10 ปี ของคุณพิชญ์ศิณี

อาการป่วยเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (ช็อคโกแล็ตซีสต์) ในทุกเดือนเราจะรู้อยู่แล้วว่าวันที่ประจำเดือนมาจะต้องลางาน ทำอะไรไม่ได้ ได้แค่กินยา และนอนนิ่งๆ เพราะแค่ขยับร่างกายก็รู้สึกอ่อนล้าเหมือนจะหมดแรง และก็เป็นแบบนี้ซ้ำๆ ทุกเดือนมาตลอด การรักษาแบบประคองอาการที่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล และอาการยิ่งแย่ขึ้นเรื่อยๆ จนต้องตัดสินใจนำก้อนเนื้อที่อยู่ด้วยกันตลอด 10 ปี ออก เพื่อชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไป มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะความเจ็บปวดจากการรักษาในอดีตทำให้กลัวทุกครั้งเมื่อนึกถึงการผ่าตัด

เป็นแอร์โฮสเตส เราจะลาบ่อยๆ ไม่ได้ แต่เราต้องลาทุกครั้งที่มีประจำเดือน จะปวดท้องมาก ต้องนอนนิ่งๆ เลือดไหลออกเยอะจนตัวซีด ปวดจนทำงานไม่ได้ มันมีผลกับ Performance ของเรา

เวลามีประจำเดือนจะปวดท้องมาก ปวดจนทำงานไม่ได้ ต้องนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียง ทำอะไรไม่ได้เลยต้องพักอย่างเดียว และมีเลือดออกในช่วงที่มีประจำเดือนเยอะมากผิดปกติ จนเราอ่อนเพลีย ประกอบกับการปวดท้อง ทำให้เราไม่มีแรง จนไม่สามารถลุกมาทำอะไรได้เลยในช่วง 2-3 วันแรกที่มีประจำเดือน และทำให้ต้องหยุดทำงาน เหมือนกับเราขาดงานไป เพื่อนเราก็ต้องมาบินแทนเรา ก็จะกระทบกับกำลังคนที่เขาจะเตรียมไว้ปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งพอเป็นแบบนี้ทุกๆ เดือนเรามีความรู้สึกว่ามันยาก มันเป็นหน้าที่การงาน อาการไม่สบายของเราควรต้องได้รับการแก้ไข
ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ผ่านมา ส่วนมากจะไม่ได้ออกกำลังกาย คือจริงๆ ไม่ดีเลย ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายสักเท่าไหร่เพราะว่าเหนื่อย เหนื่อยจากการที่เราอดนอน เพราะต้องไปทำงานข้ามคืน แล้วก็ทำให้เรารู้สึกเราอ่อนเพลียประกอบกับการที่เราเสียเลือดเยอะ ในช่วงที่มีประจำเดือน บางที 7-8 วัน ยิ่งทำให้เรารู้สึกไม่มีพลังที่จะไปออกกำลังกาย ทำงานกลับมาก็เหนื่อยแล้ว ส่วนการทานอาหารก็ทานปกติ ไลฟ์สไตล์ก็เลยแค่เราไปทำงานสลับกับพักผ่อน ยังไม่มีช่วงที่เรามีพลังพอที่เราจะไปออกกำลังกายได้เยอะๆ
พอเรารู้ว่าเราป่วยเป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (ช็อคโกแล็ตซีสต์) และมีเนื้องอกมดลูก ตอนแรกก็ทำใจก่อนว่าเรามีอาการของโรคนี้ คือมีเลือดออกเยอะ ปวดท้องมาก เราก็จะเริ่มจัดการตัวเองว่าช่วงที่เรามีประจำเดือนเราต้องอยู่เฉยๆ พักผ่อนอย่างไรไม่ให้ร่างกายหักโหมจากการทำงานเพื่อประคองจนกว่าจะหมดประจำเดือน และเราก็กลับมามีพลังในการทำงานต่อ ก็ทำแบบนี้เรื่อยๆ มาตลอด

ก่อนหน้านี้ก้อนเนื้อมันเล็กกว่านี้ พอมันเริ่มใหญ่ขึ้น เลือดก็จะออกเยอะขึ้น ปวดท้องมากขึ้น

รักษาอาการมาโดยตลอดจากโรงพยาบาลแรกดูแลเรามา 10 กว่าปี เกี่ยวกับโรคนี้ คุณหมอก็อธิบายให้เราเข้าใจว่าโรคนี้เป็นแล้วอาการจะเป็นอย่างไร แล้วก็มีการรักษาด้วยยาฮอร์โมน สลับกับพัก มาโดยตลอด แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าก้อนมันจะใหญ่ขึ้น ก่อนหน้านี้มันเล็กกว่านี้ พอมันเริ่มใหญ่ขึ้น เลือดก็จะออกเยอะขึ้น ปวดท้องมากขึ้น คุณหมอก็แนะนำให้ใช้ยาฮอร์โมน และแนะนำด้วยว่าให้ไปตรวจมะเร็งเต้านมบ่อยๆ เพราะว่าหลังจากที่เราทานยาฮอร์โมนไปแล้ว มันอาจจะมีผลค้างเคียง ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ เกิดความคิดว่าถ้ารักษาข้างล่างแล้ว ยังต้องกังวลกับข้างบนที่ต้องไปตรวจมะเร็งเต้านมอีก เลยทำให้เราลองหาทางเลือกที่สองดูคือรักษาที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอช

คุณหมอกุลธิดารับฟังปัญหาสุขภาพของเราอย่างเข้าใจ และทีมงานที่ใส่ใจทุกขั้นตอน ทำให้เราเลือกที่จะรักษาที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอช

เรามาตรวจภายในที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอช ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าจะมาเจอใครบ้าง โชคดีที่ได้มาเจอกับคุณหมอกุลธิดา คุณหมอก็รับฟังปัญหาของเราที่เราเป็นโรคนี้มานาน อยู่กับโรคนี้มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว และอาการเริ่มหนักขึ้นเมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมา คุณหมอให้คำแนะนำว่า เราอายุ 48 ปี และไม่ได้ต้องการอยากมีลูกแล้ว เนื่องจากมีช็อคโกแลตซีสต์ที่รังไข่ทั้ง 2 ข้าง แล้วก็มีเนื้องอกในมดลูกอีกหลายๆ ก้อน ก้อนใหญ่สุด 8 ซม. แล้วก็มดลูกโตด้วย รวมทั้งพังผืดข้างในอีก คือทั้งระบบมันเป็นหมดเลย คุณหมอก็เลยแนะนำว่าไม่ต้องเก็บก้อนเนื้อที่รังไข่ก็ได้นะ สามารถทำการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งจะทำให้เราไม่ต้องมีปัญหาจากเรื่องเลือดที่ไหลออกเยอะช่วงมีประจำเดือน อาการปวดต่างๆ และไม่มีอาการอ่อนเพลีย

ต่อให้ประจำเดือนหมด เราไม่ปวดท้อง แต่ก้อนพวกนี้มันก็ยังอยู่ และก้อนที่ใหญ่ขึ้นจะไปกดทับกับกระเพาะปัสสาวะในระยะยาว

คุณหมอได้อธิบายเรื่องเลือดไหลเยอะตอนมีประจำเดือนว่าไม่ได้ห่วงตรงนั้นมาก เพราะในวัยที่เราหมดประจำเดือนไปเลือดก็จะหยุด อาการพวกนี้ก็จะหยุดไปเอง แต่ที่คุณหมอห่วงก็คือก้อนที่ใหญ่ขึ้นจะไปกดทับกับกระเพาะปัสสาวะ ต่อให้ประจำเดือนหมด เราไม่ปวดท้อง แต่ก้อนพวกนี้มันก็ยังอยู่ และจะส่งผลกระทบกับกระเพาะปัสสาวะในระยะยาว หลังจากเราเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน (menopause) คุณหมอก็แนะนำให้ร้กษาด้วยการผ่าตัด

ครอบครัวกังวลมาก ว่าถ้าเป็นเนื้องอกอยู่ในมดลูกกับรังไข่ ก็กลัวว่ามันจะกลายเป็นอย่างอื่นในอนาคต

หลังจากคุยกับคุณหมอเราก็กลับไปคิดดู อีกสองวันก็โทรหาคุณหมอว่าเร็วสุดผ่าได้วันไหน ครอบครัวก็รับรู้อาการป่วยของเรามาตลอด ก็กังวลมาตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าเป็นเนื้องอกอยู่ในมดลูกกับรังไข่เขากลัวมันจะเป็นอย่างอื่นในอนาคต
จริงๆ แล้วไม่ใช่ทุกเนื้องอกที่จะแปรไปเป็นเนื้อร้าย จะเก็บไว้ก็ได้ หรือจะรักษาด้วยยา ฮอร์โมนไปเรื่อยๆ ก็ได้ มันอยู่ที่ว่าเราจะเลือกรักษาด้วยวิธีไหน แต่ว่าที่บ้านด้วยความที่ไม่ได้เป็นบุคคลากรทางการแพทย์เขาก็จะแยกไม่ออกระหว่างเนื้องอกธรรมดา หรือเนื้องอกที่แปรรูป เขาก็อยากให้เอาออกตั้งนานแล้ว แต่ว่าตัวเราเองที่รู้สึกว่าเราก็อยู่กับมันมานานแล้วเป็นสิบปี ช่วงแรกก้อนพวกนี้ก็ไม่ได้ใหญ่มาก มีอาการบ้างในระดับที่เราปรับตัวได้ แต่ช่วงหลังๆมาอาการก็เริ่มเยอะขึ้น ก้อนก็ใหญ่ขึ้น

ตัดสินใจรักษาด้วยการผ่าตัด แม้จะกลัวมากแค่ไหน จากประสบการณ์ผ่าตัดในอดีต

ความรู้สึกแรกคือความกังวลเราเคยผ่าคลอดมา และเคยผ่าส่องกล้องมาแล้วจากที่อื่น มันก็จะมีประสบการณ์ที่ดี และไม่ดี ในแง่ของก่อนผ่า และอาการหลังผ่า กลัวว่าจะเจอประสบการณ์แบบเดิมที่ได้รับ แต่มันก็ผ่านมาได้
อย่างที่สองก็คือ คุณหมอกุลธิดา อธิบายได้ดีว่าอาการของโรคที่เราเจอมาตลอด 10 ปี มันจะหายไปเลยถ้าเราเอาสิ่งนี้ออกไป และอธิบายมาเลยว่าสิ่งที่รบกวนร่างกายและจิตใจเรามันจะหายไปเลย และหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร เราก็เลยรู้สึกว่าโอเค ประสบการณ์ที่เราเคยผ่านมาแล้ว เรารับได้เราทนได้ถ้าจะเอาสิ่งที่กำลังเจออยู่ออกไปได้

ความรู้สึกที่ทั้งกลัวการผ่าตัด ทั้งคิดถึงเรื่องโรค ก้อนเนื้อที่อยู่ในตัวที่ใหญ่ขึ้น เราอยากหาย มันเลยทำให้เราต้องตัดสินใจรักษา

“ขอดมยาสลบได้ไหม อยากหลับไปแล้วแล้วตื่นมาก็คือจบ ไม่อยากต้องมารับรู้อะไรที่ทำให้กลัวอีก”
การผ่าตัดครั้งนี้ คุณหมอกุลธิดาก็อธิบายว่าควรบล็อกหลัง เราก็ถามไปอีกว่าบล็อกหลังแล้วหลับไปเลยได้ไหม คุณหมอเลยบอกว่าได้ บล็อกหลังแล้ว จะได้หลับ ไม่ต้องมีความกังวล
เราเคยเจอเหตุการณ์ที่เลือดไหลเยอะในช่วงมีประจำเดือนหนักสุดตลอดสองปี เลยคิดว่ามันไม่ควรปล่อยไว้แล้ว ต้องกินยาเพื่ออัดให้เราสามารถทำงานได้ และคุณหมอก็กลัวกระเพาะเราจะทะลุ และอาจจะต้องฟอกไต อาการก็หนักขึ้น ใช้ชีวิตลำบากขึ้น เราก็เลยต้องตัดสินใจรักษา
คุณหมอกุลธิดา ก็อธิบายอย่างใจเย็นตั้งแต่ก่อนผ่าตัด ให้เวลาในการพูดคุยเกือบสองชั่วโมง แต่เรารู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วจนเราไม่รู้เลยว่าคุยกับคุณหมอนานขนาดนี้ คุณหมอทำให้เราผ่อนคลาย ก็จะเล่าเกี่ยวกับคนไข้ที่เคยมีปัญหาในลักษณะเดียวกับเราที่คุณหมอเคยดูแล คือคุณหมอทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ในการผ่าเอาสิ่งนี้ออกไป
แต่ทีนี้เราก็จะมีความกังวลอีกส่วนหนึ่งว่า คือเราจะแก่เลยไหม อย่างที่เขาคุยกันว่าถ้าเราตัดรังไข่มันจะทำให้ต้องมาใช้ฮอร์โมนทีหลังไหม ก็มีการคุยกันว่า คือเราอายุเยอะแล้ว หมอก็บอกใกล้วัยหมดประจำเดือน ถ้าคนที่เขาหมดประจำเดือนไปเลย ก็ไม่ต้องกินฮอร์โมนอะไรอยู่แล้ว ถ้าเราตัดไปแล้วเราไม่ได้รู้สึกว่าเราจะมีอาการวัยทองที่เราจะรับไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ฮอร์โมน
คุณหมออธิบายได้เข้าใจว่าถ้าตัดแล้ว อาจมีอาการแบบร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวน บ้าง ถ้าเราไม่สามารถปรับตัวเองได้ก็ใช้ฮอร์โมน แต่ถ้าเราไม่มีอาการ หรือมีน้อย ที่เรารับได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ฮอร์โมน เพราะเราอยู่ในวัยที่ใกล้หมดประจำเดือนด้วย ก็เลยตัดสินใจรักษาด้วยการผ่าตัดค่ะ

ทุกอย่างสะดวกรวดเร็วมาก ความเป็นมืออาชีพในการดูแลผู้ป่วย ตั้งแต่คุณหมอที่อธิบายข้อมูลต่างๆ ให้เราได้อย่างละเอียด แล้วก็ตอบคำถามที่เราสงสัย ทำให้เรามั่นใจและตัดสินใจผ่าตัดที่ BNH

พอดีว่าเราเพิ่งตรวจร่างกายมาช่วงเดือนพฤษภา เราก็เอาผลตรวจร่างกายทั้งหมดมายื่น พยาบาลให้คำแนะนำแผนการผ่าตัด ตรวจสอบ และส่งต่อข้อมูล ประสานงานและดำเนินการภายใน 1-2 วัน
วันแรกที่มา น้องพยาบาลอัจฉรา เขาก็เข้ามาคุยแล้วเขาก็เห็นว่าคุณหมอแนะนำว่าน่าจะต้องผ่าตัด น้องพยาบาลก็ช่วยนำโปรแกรมผ่าตัดอธิบายอย่างละเอียดเลย รวมถึงเรื่องการใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพ พยาบาลก็ช่วยประสานงานให้อย่างดี แล้ววันรุ่งขึ้นทางแผนกประกันของ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช ก็โทรมาแจ้งว่าได้ประสานงานกับทางบริษัทประกันให้เรียบร้อยแล้วสามารถใช้สิทธิ์ประกันได้ คือเจ้าหน้าที่มีความติดตามงานในวันต่อวันเลย แล้วก็ดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างดี มีเอกสารให้เรากลับไปดูอย่างละเอียด หลายอย่างทำให้เรามั่นใจที่นี่ เราก็เลยค่อนข้างประทับใจในบริการที่ BNH

ผลจากการตัดสินใจยุติอาการป่วยเรื้อรัง มาตลอดระยะเวลา 10 ปี

หลังการผ่าตัดคุณหมอก็แนะนำให้ควรพักฟื้นก่อน เพราะหลังผ่าตัดร่างกายก็จะบอกเราเองว่าเราทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ในช่วง 10 วันแรกที่กลับบ้าน เราก็ยังทำอะไรมากไม่ได้ ร่างกายจะบอกเราเองว่าเหนื่อย ไม่ไหว แต่พอ 10 วันต่อมา เราก็รู้สึกว่าเราทำอะไรได้มากขึ้น เดินวนเวียนอยู่ในบ้านได้ ลุกนั่งได้เป็นปกติ
หลังจาก 20 วันเราก็เริ่มออกจากบ้านได้แล้ว แค่ออกไปทานข้าวนอกบ้าน หรือออกไปดูหนัง และกลับบ้าน แล้วพอสองอาทิตย์ถัดมา คือประมาณเดือนครึ่ง เราก็รู้สึกอย่างที่คุณหมอบอกว่าหนึ่งเดือนครึ่ง เราก็สามารถกลับไปทำงานได้นะ พี่รู้สึกมีแรง สามารถไปเดินห้าง ทำกิจกรรมได้ ยกเว้นยกของหนัก เหมือนร่างกายเราฟื้นฟูกลับมา รู้สึกร่างกายเรามีเรี่ยวแรงเหมือนคนปกติ แล้วเรากลับไปทำงานได้ กลับไปใช้ร่างกายได้แล้ว
โชคดีด้วยที่แผลไม่มีปัญหา เพราะคุณหมอว่าปกติแผลผ่าด้านนอกคุณหมอไม่ค่อยห่วง ภายใน 24 ชั่วโมง แผลจะติด แปะผ้าไว้ 7 วัน เพื่อเตือนเราว่ามีแผลอยู่นะ พอวันที่ 7 แกะผ้าออกมา คือเนื้อมันติดกันแล้ว เหมือนแบบมันไม่ได้เป็นอะไรกับแผลเลย เหมือนเราโดนมีดบาด แค่นั้นเลย เส้นเล็กๆ บางมาก
เราเข้าใจในภาวะของโรค เข้าใจมันชัดเจน เราจะรู้ว่าเราต้องทำอะไร เพราะคุณหมออธิบายไว้แล้วว่าไม่ต้องทำกิจกรรมอะไรที่เราคิดว่าทำไม่ไหว ที่ต้องไปยกอะไรหนักๆ อาจจะกระทบข้างใน ในช่วงพักฟื้นก็เลยเป็นข้อแนะนำให้เราดูแลตัวเองได้ดี ก็จะทำให้แผลเราดี ฟื้นตัวไว
ต่อจากนี้เวลาจะไปทำงานก็ไม่ต้องมานั่งดูตารางแล้วว่าวันนี้ต้องหยุด วันนี้ต้องมาพกยาอะไรไปกินแก้อาการปวดบ้าง สามารถไปออกกำลังกายได้เต็มที่ ทำงานได้อย่างเดิม ใช้ร่างกายได้อย่างปกติ และตอนนี้เราก็พร้อมกลับไปบินแล้วค่ะ

อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ เรื่องโรคภัยไข้เจ็บเมื่อเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่ได้เรียนรู้ก็คือ เราต้องรู้ว่าเราจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร

จริงๆ ถ้าคนที่ไม่มีอาการอะไรเลยเกี่ยวกับร่างกาย แล้วรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรง เขาก็อาจจะไม่รู้สึกว่าเขาต้องไปตรวจร่างกาย เพราะเขารู้สึกว่าเขาสบายดีด้วยซ้ำ แต่อยากให้เอะใจนิดนึงว่าถ้าเรารู้สึกอะไรบางอย่างที่มันผิดปกติ จุดเล็กๆ จุดนี้เราควรให้ความสำคัญกับการมาตรวจร่างกาย แม้มันเล็กน้อย เพราะว่าเราจะได้รู้จักตัวเองว่าเรากำลังจะเริ่มเป็นโรคอะไร ถ้าเราละเลย ปล่อยไว้จนผิดปกติมาก มันอาจจะไปถึงจุดที่ต้องผ่าตัดโดยที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะฉะนั้น ถ้ามีอะไรที่รู้สึกว่าเริ่มผิดปกติก็แนะนำให้ตรวจสุขภาพ ดูแลตัวเอง หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก็จะดี เพราะโรคเดี๋ยวนี้มันลามไวมาก บางทีในหนึ่งเดือนก็อาจจะสายเกินไปแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นอะไรให้รีบรักษา อย่าปล่อยไว้ เราอยู่กับโรคนี้มากว่า 10 กว่าปี ยิ่งได้มาเจอคุณหมอกุลธิดา คิดว่าตัดสินใจถูกที่ได้มารักษาที่นี่ และได้เจอกับทีมงานมืออาชีพของโรงพยาบาลบีเอ็นเอชคอยช่วยดูแล

บทสัมภาษณ์ คุณพิชญ์ศิณี รักษ์บุญยวง

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง

ยินยอมทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง
    เปิดใช้งานตลอด

    เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเว็บไซต์ของเรา เนื่องจากคุกกี้เหล่านี้ทำให้เว็บเซิร์ฟเวอร์สามารถตอบสนองต่อการกระทำของท่านได้ อีกทั้งยังช่วยในการแสดงผลหน้าเว็บต่อท่าน และยังรวมถึงมอบประสบการณ์ที่สอดคล้องในระหว่างการท่องเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้จะคงอยู่จนกว่าจะสิ้นสุดการเยี่ยมชมของท่านและจะถูกลบอัตโนมัติทันที
    รายชื่อคุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์/เพื่อประสิทธิภาพ

    ช่วยให้เราสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ของเราด้วยจำนวนครั้งการเข้าดูหน้าเว็บและจำนวนผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์ โดยบริการวิเคราะห์เว็บจะวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของผู้ใช้ ซึ่งเราจะใช้ข้อมูลดังกล่าวในการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้หรือค้นหาส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ที่ควรได้รับการปรับปรุง อย่างไรก็ตามข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถระบุถึงตัวบุคคลได้ (กล่าวคือ เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถใช้เพื่อระบุตัวตนของท่านและไม่มีการเก็บรวบรวมหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ และที่อยู่อีเมลของท่าน) และข้อมูลเหล่านี้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางสถิติเท่านั้น
    รายชื่อคุกกี้เพื่อการวิเคราะห์/เพื่อประสิทธิภาพ

  • คุกกี้เพื่อช่วยในการใช้งาน

    ช่วยให้เรารับรู้เมื่อท่านกลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา ด้วยข้อมูลนี้เราจึงสามารถปรับแต่งเว็บไซต์ของเราให้เป็นไปตามความต้องการของท่านได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเยี่ยมชมของท่านให้มีประสิทธิภาพและเฉพาะเจาะจงสำหรับท่านมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วข้อมูลที่รวบรวมโดยคุกกี้เหล่านี้จะไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้
    รายชื่อคุกกี้เพื่อช่วยในการใช้งาน

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณา

    จะอยู่บนอุปกรณ์ของท่านเพื่อบันทึกหน้าเว็บไซต์หรือลิงค์ที่ท่านได้เยี่ยมชมหรือติดตาม ข้อมูลที่ได้จะถูกใช้เพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ของเราและแคมเปญโฆษณาของเราเพื่อให้เหมาะกับความสนใจของท่าน
    คุกกี้เพื่อการโฆษณา

บันทึก