
RSV โรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่ไม่ควรมองข้าม อาจก่อให้เกิดโรคที่ร้ายแรงได้ เป็นโรคที่พบบ่อยสำหรับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว
RSV ย่อมาจาก Respiratory Syncytial Virus หรือในภาษาไทยเรียกว่า ไวรัสอาร์เอสวี
เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่แพร่ระบาดในเด็กกว่า 90% ในช่วงสองขวบปีแรก มักก่อให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง โดยเฉพาะในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ซึ่งการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างอาจรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และทำให้เกิดอาการหอบซ้ำหากติดเชื้อตัวนี้ ซึ่งมักทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องหวาดวิตกถ้าครอบครัวมีเด็กเล็ก ทารกคลอดก่อนกำหนด เด็กที่มีโรคประจำตัวและเด็กที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การติดเชื้อ RSV อาจทำให้เกิดภาวะหลอดลมอักเสบหรือปอดอักเสบ และบางกรณีอาจรุนแรงจนทำให้เสียชีวิตได้ การติดเชื้อ RSV สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายผ่านทางละอองฝอยจากการไอ จาม หรือพูดคุยของผู้ป่วย หรือผ่านการสัมผัสกับพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อ โดยมักมีการระบาดในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว และสามารถติดเชื้อซ้ำได้หลายครั้ง ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
อาการของการติดเชื้อ RSV เป็นอย่างไร
อาการของ RSV มักคล้ายกับหวัดทั่วไปเริ่มต้นด้วยไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล อ่อนเพลีย บางรายอาจมีไข้
ในกรณีของทารกและเด็กเล็ก กลุ่มที่มีโรคประจำตัวอาจติดเชื้อได้ง่ายและมีอาการรุนแรง เช่น หายใจเร็ว หายใจลำบาก หรือมีอาการเซื่องซึมและไม่ยอมกินนม
กรณี RSV รุนแรง อาจต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล เช่น การให้ออกซิเจน หรือการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ หรืออาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
กลุ่มเสี่ยงต่อ RSV ได้แก่
- ทารกคลอดก่อนกำหนด
- เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี
- ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย RSV

การติดต่อหรือการแพร่กระจาย RSV สามารถติดต่อได้ดังนี้
- ผ่านการสูดละอองฝอยที่ปนเปื้อนเชื้อที่เกิดจากการไอ จาม พูด หรือสัมผัสน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย
- สัมผัสหน้าหรือตาโดยไม่ได้ล้างมือหลังสัมผัสผู้ป่วยหรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ
- ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ
การป้องกัน RSV อย่างมีประสิทธิภาพควรทำอย่างไร
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่อย่างถูกวิธี
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ป่วยเป็นหวัด
- ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
- เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
ปัจจุบันนี้ถึงแม้จะไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัส RSV แต่เราก็มีทางเลือกที่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV อย่างรุนแรงในทารกหรือเด็กเล็กที่มีความเสี่ยงสูงได้ โดยฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (monoclonal antibody) ในเด็กกลุ่มเสี่ยงเพื่อลดความรุนแรงของโรค และลดการนอนโรงพยาบาลได้
จะทราบได้อย่างไรว่าเป็น RSV หรือไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
RSV เป็นเชื้อไวรัสซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคทางเดินหายใจในเด็กเล็ก ดังนั้นจึงมักเกิดกับทารกแรกเกิดและเด็กเล็กมากกว่าไข้หวัดใหญ่ ส่วนไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสชนิดต่าง ๆ ในตระกูล Influenza virus มักมีอาการไข้สูง ไอ น้ำมูกไหล คอเสียงแห้ง ปวดร่างกาย คัดจมูก ปวดหัว และอาจมีไข้เล็กน้อยหรือไม่มีไข้เลย บางรายอาจมีการให้ยาต้านไวรัสเพื่อลดอาการและระยะเวลาที่เป็นโรค แต่การรักษาส่วนใหญ่เน้นการดูแลอาการและการพักผ่อนให้เพียงพอ
แต่อย่างไรก็ตามบางครั้งอาการของทั้งสองโรคนี้อาจใกล้เคียงกัน ดังนั้นหากสงสัยก็สามารถมาปรึกษาแพทย์และรับการตรวจเชื้อไวรัสที่โรงพยาบาลได้ เพื่อการรักษาให้ตรงกับโรคที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากมีความเป็นกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
การระบาดของเชื้อ RSV ในชุมชนเป็นเรื่องที่ต้องระวัง เพราะสามารถสร้างความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงได้ เราควรระมัดระวังและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรคในกลุ่มเสี่ยงที่สูงขึ้น
ลงทะเบียนรับคำแนะนำวัคซีนสำหรับท่าน
