
ในยุคปัจจุบัน การทำงานในออฟฟิศเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของหลาย ๆ คน การนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถหรือมีการจัดตำแหน่ง หรือท่าทางการนั่งที่ไม่เหมาะสม อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่เรียกว่า “Office Syndrome” ปัญหานี้มักเกิดขึ้นกับคนที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาและมีอาการต่าง ๆ เช่น ปวดหลัง ปวดคอ ไหล่ตึง มือชา ปวดหัว-กระบอกตา หรือแม้กระทั่งมีปัญหาสายตา
โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คืออะไร ?
คืออาการปวดเมื่อยตามอวัยวะต่าง ๆ เป็นได้ตั้งแต่ศีรษะถึงเท้า โดยอาจทำให้มีอาการชาร่วมด้วยได้ ซึ่งอาการชาที่เกิดขึ้นนั้นอาจเกิดได้จากการที่กล้ามเนื้อตึงมาก กล้ามเนื้อที่มักมีอาการได้บ่อย คือ กล้ามเนื้อบริเวณคอ หลัง ไหล่ บ่า แขนหรือข้อมือ นอกจากผลกระทบต่อระบบกล้ามเนื้อแล้ว อาจส่งผลต่อระบบเส้นเอ็น กระดูก หรืออาจทำให้มีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ร่วมด้วยได้
อาการที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นผลมากจากการที่กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อพังผืดยึดตึง (myofascial pain syndrome) ซึ่งเกิดมาจากการทำงานที่ใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ เป็นเวลานานอย่างต่อเนื่อง โดยมักพบในกลุ่มคนทำงานในออฟฟิศที่ไม่ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomics)
3 สาเหตุ ของการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม
- การนั่งทำงานเป็นเวลานาน เกิดจากการที่กล้ามเนื้อต้องทำงานหนัก ต้องใช้งานอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานๆตลอดเวลา โดยไม่มีการเปลี่ยนอิริยาบถ ส่งผลให้กล้ามเนื้อมีการหดเกร็ง ยึด และอักเสบในเวลาต่อมา โดยเรามักพบได้บ่อยในคนทำงานออฟฟิศ เนื่องจากพฤติกรรมการทำงานของกลุ่มคนออฟฟิศมักจะนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือต้องนั่งบนโต๊ะทำงานตลอดทั้งวัน แทบจะไม่มีการขยับตัวไปไหน
- ท่านั่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น การนั่งตัวโค้งงอ ไหล่ยกสูง หรือนั่งหลังไม่ตรง ส่งผลให้กล้ามเนื้อและกระดูก เกิดการเสื่อมสภาพได้
- การใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม การใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สำนักงานอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับการปรับให้เหมาะสม กับสรีระของผู้ใช้งานในแต่ละคน ทำให้เกิดการบาดเจ็บในระยะยาวได้

กลุ่มเสี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม
คนทำงานในออฟฟิศ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ต้องนั่งอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ เช่น การก้มหน้าใช้งานมือถือ นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ส่งผลต่อกล้ามเนื้อมัดที่ใช้ในอิริยาบถนั้น ๆ ทำให้เกิดอาการตึงยึดของกล้ามเนื้อขึ้นมา และทำให้เกิดอาการปวดต่อมา
5 อาการสัญญาณขั้นต้น ที่อาจเกิดเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม
- ปวดกล้ามเนื้อ ตรงบริเวณคอ บ่า ไหล่ สะบัก และปวดหลัง เกิดจากการต้องนั่งทำงานติดต่อกันนานหลายชั่วโมงทุกวัน ไม่มีการลุกเปลี่ยนอิริยาบถ ท่านั่งที่ไม่ถูกสรีระหรือหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) โดยผู้ที่มีอาการมักนั่งหลังค่อม-หลังไม่ชิดพนัก คอยื่น ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อต้นคอ และหลังบน-ล่าง เมื่อยล้าและยึดเกร็งอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังรวมไปถึง คนที่ใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมต้องยืนหรือเดินทำงานเป็นเวลานาน ก็อาจทำให้มีอาการปวดหลังจากโรคออฟฟิศซินโดรมได้เช่นกัน
- รู้สึกตื้อๆ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะเรื้อรัง หรือในบางคนอาจมีอาการปวดหัวไมเกรนร่วมด้วย ซึ่งสาเหตุเกิดจากความเครียดและการใช้สายตามากเกินไปเป็นระยะเวลานาน
- ตาล้าพร่ามัว มองอะไรแล้วไม่สดใส เนื่องจากการที่ต้องใช้สายตาจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือการต้องใช้สายตาจดจ่อกับอะไรเป็นเวลานาน
- มีอาการปวดหรืออาการเหน็บชาบริเวณขาลงมา ซึ่งสาเหตุมาจากการนั่งในท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน จนทำให้เส้นเลือดดำถูกกดทับและการไหลเวียนของเลือดมีความผิดปกติ
- มีอาการมือชา นิ้วล็อคและปวดข้อมือ โดยสาเหตุมาจากการจับเมาส์ในท่าเดิม ๆ หรือจับผิดท่าเป็นเวลานาน ส่งผลให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นหรือปลอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณมือ หรือนิ้วมือ (De Quervain’s disease) อักเสบได้ นอกจากนี้ยังสามารถทำให้เกิดอาการมือชา จากภาวะพังผืดกดทับเส้นประสาทมีเดียนได้อีกด้วย (Carpal Tunnel Syndrome)
การป้องกันและการรักษา โรคออฟฟิศซินโดรม
การใช้ยา
อาจจะเป็นการทานยาหรือฉีดยา การทำกายภาพบำบัดโดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อลดอาการปวดหรือการอักเสบให้เร็วที่สุด เพื่อไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตและการทำงาน และสามารถกลับไปใช้งานได้เร็วที่สุด เช่น การใช้คลื่นกระแทก (shockwave), ultrasound, peripheral magnetic stimulation (PMS), การนวดคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งยึด
การออกกำลังกาย
เป็นหนึ่งในการรักษาที่สำคัญของออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เนื่องจากปัจจัยหลัก 2 อย่าง ที่ทำให้เกิดโรคออฟฟิศซินโดรม คือ
การที่กล้ามเนื้อยึดเกร็ง ขาดความยืดหยุนต่อการใช้งาน ทำให้พิสัยในการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อหรือข้อต่อนั้นๆมีความจำกัด รู้สึกติด-ขัด
การที่กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง โดยกล้ามเนื้อจะไม่ทนทานต่อการใช้งานกล้ามเนื้อที่ต่อเนื่องยาวนาน หรือการใช้งานหนัก โดยวงจรเกิดขึ้นมาซ้ำ ๆ วนไปมา ทำให้อาการไม่หายขาดเสียที ทำให้การออกกำลังกายในโรคนี้ที่สำคัญจะแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

การออกกำลังกายเพื่อยืดเหยียดกล้ามเนื้อ จุดประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ลดการตึงตัวของกล้ามเนื้อที่มักจะมีการหดเกร็งจากการใช้งานติดต่อกันอย่างยาวนาน ซึ่งการยืดเหยียดนี้สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่มีช่วงที่ยังมีอาการปวดอยู่ แต่อาจจะต้องค่อยๆทำไปทีละน้อยขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคน
การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อ จุดประสงค์เพื่อสร้างความแข็งแรงทนทานให้แก่กล้ามเนื้อมัดนั้น ๆ ให้สามารถทำงานได้ต่อเนื่องยาวนานมากขึ้น ซึ่งการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงนี้มักจะเริ่มทำเมื่ออาการปวดในระยะเฉียบพลันมีอาการทุเลาลง โดยเริ่มจากการออกกำลังกายแบบเกร็งกล้ามเนื้อ หรือ Isometric strengthening exercise ก่อน เพราะมักไม่ทำให้มีอาการปวดมากขึ้นในช่วงที่ยังมีอาการปวดเฉียบพลันอยู่ หลังจากนั้นจึงค่อยเพิ่มการออกกำลังกาย เพิ่มความแข็งแรงแบบอื่นต่อไปตามลำดับ
การจัดการรักษาจากต้นตอของปัญหาที่ทำให้เกิดอาการปวด เช่น
- หลีกเลี่ยงการทำงานในท่าทางเดิมติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนอิริยาบถทุก 20-30 นาที
- หลีกเลี่ยงท่าทางในการทำงานที่ไม่ถูกต้อง
- จัดโต๊ะทำงานให้สิ่งของที่หยิบใช้บ่อย ๆ อยู่ในระยะเอื้อมถึงได้ง่าย ไม่ต้องโน้มตัว เอื้อมมือไปไกลหรือต้องเอี้ยวตัวเยอะ
- จัดเวลาการทำงานและการพักผ่อนให้เหมาะสม รวมถึงการปรับท่าทางในการทำงานให้ถูกต้องตามหลักสรีระศาสตร์ ด้วยการปรับอุปกรณ์ที่ใช้ ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ แสงสว่างบริเวณโต๊ะทำงาน จอคอมพิวเตอร์ รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อให้เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน
โดยสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นส่วนหนึ่งในคำอธิบายของการยศาสตร์ (Ergonomics)

Ergonomics หรือ การยศาสตร์ คืออะไร ?
Ergonomics หรือ การยศาสตร์ คือคำที่คนในวงการอาชีวอนามัยคุ้นเคยกันมานาน แต่สำหรับบุคคลทั่วไปอาจจะเป็นคำที่ไม่แพร่หลาย แต่ความหมายของมันอยู่รอบ ๆ ตัวเราและใกล้ชิดกับเรามากโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกับคนวัยทำงานอย่างเรา ๆ เพราะ Ergonomics คือ การทำงานให้สอดคล้องกับสรีระร่างกายของมนุษย์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ “ศาสตร์ในการจัดสภาพงานให้เหมาะกับคนทำงาน” หรือ “การศึกษาคนในสิ่งแวดล้อมการทำงานอย่างเป็นระบบ เพื่อการปรับปรุงสภาพการทำงาน” เป็นการออกแบบรูปแบบการทำงานที่ง่ายขึ้น สะดวกสบาย และไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือการบาดเจ็บ…นั่นเอง
การตรวจ Ergonomics Test คืออะไร ?
การตรวจ Ergonomics Test เป็นกระบวนการตรวจวัดและปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสมกับสรีระและสุขภาพของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบและปรับปรุงท่านั่ง การวางตำแหน่งของอุปกรณ์ และการแนะนำการยืดเหยียดกล้ามเนื้อรวมถึงการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
ทำไมการตรวจ Ergonomics Test จึงสำคัญ ?
- เพื่อป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)
- เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เมื่อสุขภาพของพนักงานดีขึ้น ไม่มีความปวดตึงหรือความเหนื่อยล้า กล้ามเนื้อแข็งแรงก็จะส่งผลให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการขาดลางานจากอาการเจ็บป่วยจากสุขภาพ ทำให้พนักงานมีส่วนร่วมในการทำงานมากขึ้น
- ลดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ เพราะการป้องกันปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการทำงานสามารถลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้ ลดค่าชดเชยต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากปัณหาสุขภาพที่เกิดขึ้น
- เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยให้กับองค์กร การเห็นความสำคัญของ Ergonomics (การยศาสตร์) ของคนที่ทำงานในออฟฟิศที่มีแนวโน้มที่จะมีปัญหามากอยู่แล้ว แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในเรื่องความใส่ใจต่อความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญ พนักงานที่มีสุขภาพดีเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดขององค์กร การสร้างและส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงานจะนำไปสู่ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมในทิศทางที่ดีขึ้นสำหรับองค์กร
3 สาเหตุของการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)
- การนั่งทำงานเป็นเวลานาน
- การนั่งทำงานที่ไม่ถูกต้อง
- การใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมในการทำงาน
5 อาการที่พบบ่อยในโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)
- ปวดกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ
- ปวดศีรษะรวมถึงกระบอกตาและไมเกรน
- ตาพร่ามัว
- เหน็บชาบริเวณขา
- ปวดชามือและข้อมือ
การรักษาโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) แบ่งเป็น การใช้ยาและการทำกายภาพบำบัดโดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ รวมถึงการออกกำลังกาย
Ergonomics หรือ การยศาสตร์ เป็นการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) จากต้นตอของปัญหา
การตรวจ Ergonomic Test เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงของการโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ได้อย่างตรงจุด หรือถ้าต้องมีการรักษากล้ามเนื้อที่มีปัญหาที่เกิดขึ้นvก็จะช่วยให้การรักษาโดยการทำกายภาพบำบัด รวมถึงการประเมินจากแพทย์เพื่อสั่งการรักษาได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น ทำให้ผลการรักษาดีขึ้น ใช้เวลาในการรักษาน้อยลง อาการหายเร็วขึ้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตและทำงานได้ปกติเร็วขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล การดูแลสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อสุขภาพที่ดีและการทำงานที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว
สรุป
โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เป็นปัญหาที่เกิดจากการทำงานในออฟฟิศที่ไม่ถูกต้องตามหลัก Ergonomics (การยศาสตร์) ซึ่งสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้

ติดต่อสอบถาม หรือทำนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ผ่าน LINE @MBRACE
ทำนัดหมายแพทย์ออนไลน์ | Appointment

พญ. ธิมาพร บำรุงเชาว์เกษม
แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู และกายภาพบำบัด
ความชำนาญพิเศษ
เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด
ภาษา
ไทย, อังกฤษ
– เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด
– Thai Board of Physical Medicine & Rehabilitation, Ramathibodi Hospital ,Mahidol University (2013)
– MD, Rangsit University ( 2008)
ตารางออกตรวจแพทย์
วัน | เวลา | แผนก |
---|---|---|
อังคาร | 08:00 – 18:00 | แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู และกายภาพบำบัด |
พุธ | 08:00 – 15:30 | แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู และกายภาพบำบัด |
พฤหัสบดี | 08:00 – 15:30 | แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู และกายภาพบำบัด |
ศุกร์ | 08:00 – 20:00 | แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู และกายภาพบำบัด |
เสาร์ | 08:00 – 16:00 | แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู และกายภาพบำบัด |